Unfolding Bangkok
Living Old Building
Living Old Building เป็นหนึ่งในโครงการย่อยภายใต้โครงการ Unfolding Bangkok เปิดประสบการณ์ใหม่กรุงเทพมหานคร เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์กรุงเทพฯ และสร้างประสบการณ์วัฒนธรรมสมัยนิยมแก่นักท่องเที่ยว โดยใช้ Interactive ผ่านแสงเสียง ดนตรี การแสดง เพื่อเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวให้เมืองกลับมามีชีวิตชีวา พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง และร่วมจัดกิจกรรมของเมืองในช่วงเวลาการจัดประชุม APEC ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
ชุบชีวิต
4 อาคารประวัติศาสตร์
ปลุก 4 อาคารประวัติศาสตร์ในกรุงเทพฯ ด้วยเรื่องราวใหม่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ในช่วงกุมภาพันธ์ ถึง เมษายน 2566
- การประปาแม้นศรี หอเก็บน้ำประปาแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งแต่สมัยร. 5 ที่ถูกทิ้งร้างมากว่า 20 ปี
- หอประติมากรรมต้นแบบ กรมศิลปากร โรงปั้นงานต้นแบบอนุสาวรีย์ชิ้นสำคัญแห่งแรกของสยาม
- สถานีรถไฟหัวลำโพง ศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางจากทั่วประเทศเข้าสู่กทม. ที่กำลังจะต้องเปลี่ยนบทบาทไป
- วังกรมพระสมมตอมรพันธุ์ อาคารประวัติศาสตร์อายุกว่า 100 ปี ที่มีบทบาทเป็นทั้งวังและโรงเรียน และศูนย์กลางชุมชน ที่ยังหลงเหลืออยู่แห่งเดียวบนถนนบำรุงเมือง
ผลลัพธ์
- ประปาแม้นศรี กลายเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมต่างๆ และกรุงเทพมหานครได้เช่าพื้นที่ เพื่อพัฒนาโครงการบริการสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์แบบครบวงจรสำหรับคนไร้บ้าน
- แบรนด์ระดับโลกหลายแบรนด์ มาใช้สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อจัดงานอีเวนท์โปรโมทสินค้าและโฆษณา โดยเฉพาะในรูปแบบ Projection Mapping ลงบนสถาปัตยกรรมอาคาร
- เกิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เชื่อมต่อเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนโดยรอบ
ประปาแม้นศรี
4 - 12 ก.พ. 2566
‘ประปา’ แห่งแรกของสยามที่เปิดกิจการตั้งแต่ปี 2457 ที่ทำหน้าแจกจ่ายนำ้ประปาให้แก่ประชาชนทั่วไปใช้อุปโภคบริโภคทั่วกรุงเทพฯ มาอย่างยาวนาน จนปิดตัวลง และถูกทิ้งร้างไว้จนเกือบจะถูกลืมไปตามกาลเวลา หอประปา อาคารสำนักงาน และพื้นที่ว่างโดยรอบได้ถูกชุบชีวิตขึ้นมาเพื่อทดลองบทบาทใหม่ในฐานะ ‘Living Room’ พื้นที่นั่งเล่นของเมืองที่ตอบโจทย์คนทุกวัยในช่วง Bangkok Design Week 2023 โดยใช้กลยุทธ์ดึงดูดความสนใจของผู้คน ด้วยการออกแบบแสงสว่างเชิงสถาปัตยกรรม โดย FOS Design Studio และ Projection Mapping ลงบนสถาปัตยกรรมหอประปา ภายใต้แนวคิดที่เชื่อมโยงกับน้ำ ออกแบบโดย DecideKit
นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะและการออกแบบอื่นๆ ในอาคารและพื้นที่โดยรอบ เพื่อเติมชีวิตชีวาให้กับพื้นที่ ไปพร้อมกับการสื่อสารเรื่องราวแวดล้อม อาทิ Installation Art โดย SP/N ที่นำฟิล์มยืดมากั้นตามส่วนต่าง ๆ ของหอประปา เพื่อสื่อสารถึงการไหลเวียนของผู้คนสู่พื้นที่ นิทรรศการภาพถ่ายสถาปัตยกรรมหอประปาจากทั่วประเทศ โดย Foto_momo งานออกแบบที่ชวนให้ผู้คนมารู้จักย่านผ่านสื่อต่างๆ ตั้งแต่เสียงของย่าน ทั้งเสียงธรรมชาติในสวนสราญรมย์ เสียงวิถีชิวิต เสียงอาชีพคนตีทอง ทำบาตร โดย Hear & Found ไปจนถึง รู้จักย่านผ่าน Typography ป้ายร้านค้าและอาคารต่างๆ โดยอักษรสนาน
และยังมีงานออกแบบเพื่อถ่ายทอดแนวคิดความเป็นพื้นที่สาธารณะ อย่างงานออกแบบพื้นที่สีเขียวภายในอาคารโดย Arcane รวมถึงกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วม ‘Chair to Chair’ ที่ให้คนนำเก้าอี้จากบ้านมาทำให้ที่นี่กลายเป็นห้องนั่งเล่นจริงๆ พร้อมกิจกรรม การแสดงดนตรีต่างๆ
หอประติมากรรมต้นแบบ
4 - 12 ก.พ. 2566
“หอประติมากรรมต้นแบบ” กรมศิลปากร ซึ่งตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยศิลปากร คือสถานที่ unseen ที่ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม เป็นโรงปั้นประติมากรรมแบบตะวันตกแห่งแรกในสยาม ซึ่งปั้นงานต้นแบบอนุสาวรีย์ชิ้นสำคัญในประเทศไทย โดยผลงานหลายชิ้นเกิดจากฝีมือของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี เช่น พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และยังเป็นพื้นที่จัดเก็บผลงานประติมากรรมชั้นครูของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี และลูกศิษย์
ด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะของพื้นที่แห่งนี้ โครงการจึงขอเปิดพื้นที่เป็นพิเศษในช่วง Bangkok Design Week 2023 เพื่อให้คนทั่วไปได้เข้าชม ภายใต้ในแนวคิด Drawing room พื้นที่บ่มเพาะนักสร้างสรรค์ของเมือง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของศิลปินและนักออกแบบไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
นำมาตีความใหม่เพื่อคืนชีวิต พร้อมชูจุดเด่นความงดงามของพื้นที่และประติมากรรม ผ่านสื่อศิลปะสมัยใหม่ ตั้งแต่งานออกแบบแสง โดย FOS lighting design ที่ช่วยปลุกชีวิตให้กับชิ้นงานประติมากรรมและสถาปัตยกรรม ผลงาน Installation Art จากภาพถ่าย โดย อาจารย์ ดร.อดิศร ศรีเสาวนันท์ ที่เชิญชวนให้จินตนาการก่อนเข้าสู่พื้นที่ ไปจนถึงการแสดงและดนตรีที่ช่วยสร้างบรรยากาศ ไปพร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น Contemporary Dance โดย Zack Banjongsajjavaradee Ruangkittivilas & Waii Krittin Kiatmetha สะท้อนความสัมพันธ์ของศิลปะร่างกายและงานประติมากรรม และการแสดงเปิดแผ่นดนตรีแนว talian Electro House โดย DJ Meng Sriwattanah ให้กลิ่นอายศิลปะอิตาเลียน เพื่อเชิดชูอาจารย์ศิลป์ พีระศรี บรมครูแห่งวงการศิลปะไทย
สถานีรถไฟหัวลำโพง
18-26 มี.ค. 2566
เฉลิมฉลองครบรอบ 126 ปีการรถไฟแห่งประเทศไทยไปพร้อมกับการเปิดมุมมองใหม่ให้กับสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งมีความสำคัญในฐานะอดีตศูนย์กลางการเดินทางทางรถไฟของกรุงเทพมหานคร และยังเป็นอาคารทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทั้งด้านสถาปัตยกรรม และความทันสมัยด้านระบบคมนาคมของประเทศไทย ที่ปัจจุบันลดบทบาทเหลือเพียงการเดินรถไฟไม่กี่สาย จึงเป็นโอกาสในการทดลองปรับพื้นที่ของสถานีรถไฟให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับการส่งเสริมสถาปัตยกรรม การเรียนรู้และสันทนาการของผู้คน
กลุ่มนักออกแบบแสง อย่าง Lighting Designers Thailand และ Decide Kit จึงได้เข้ามาร่วมออกแบบแสงไฟ และ Projection mapping เพื่อช่วยสร้างเรื่องราวและขับเน้นความงดงามของสถาปัตยกรรม ภายใต้แนวคิด “THE WALL 2023 : UNFOLDING HUA LAM PHONG” โดยแบ่งการเล่าเรื่องเป็น 3 ธีม 3 พื้นที่ของสถานี ได้แก่
The Door: ฉายผลงานศิลปะผ่าน Projection Mapping ลงบนแลนด์มาร์กของพื้นที่ อย่างอาคารโดมกระจกทรงโค้ง หน้าทางเข้าสถานีรถไฟ เพื่อสะท้อนจินตนาการของผู้คนในการเดินทางย้อนอดีต และก้าวสู่อนาคต
The People: งาน Lighting Installation ภายในโถงอาคารของสถานีรถไฟในส่วนที่พักคอยของผู้โดยสาร เพื่อสื่อสารความสำคัญของการเป็นพื้นที่สำหรับ “ผู้คน” ที่มีชีวิตชีวา ท่ามกลางการแสดงดนตรีหลากหลายแนวทั้งเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุง หมอลำ ร็อก ฮิปฮอป และแจ๊ส สะท้อนความหลากหลายของนักเดินทางที่เคยแวะเวียนมาที่นี่
The Emotion: งาน Lighting Installation บริเวณชานชาลา พื้นที่แห่งการพบปะและจากลา เน้นใช้แสงไฟช่วยสร้างอารมณ์ร่วมของผู้คนในอดีต ที่เคยโดยสารรถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่ผ่านกาลเวลามาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ร่วมสร้างประสบการณ์และความทรงจำกับสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นนิการจัดแสดงขบวนรถไฟพิเศษ นิทรรศการโมเดลรถไฟจำลอง ทัวร์เพื่อทำความรู้จักหัวลำโพงมุมใหม่ ชิมรสเมนูอาหารสุดพิเศษจากชุมทางต่าง ๆ และป๊อปอัปคาเฟ่ ไปจนถึงการแสดงดนตรี และ ลีลาศกับวงสุนทราภรณ์ การเต้นสวิง ไปจนถึงบางกอกระบำสุ่ม ที่ล้วนสอดคล้องกับเรื่องราวของสถานีรถไฟหัวลำโพง และสามารถเข้าถึงผู้คนหลากหลายวัย
วังกรมสมมตอมรพันธ์ุ
25 มี.ค. - 2 เม.ย. 2566
น้อยคนที่จะทราบว่าในซอยสำราญราษฎร์ ยังคงมีวังลับอายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชนที่เคยเป็นแหล่งผลิตเครื่องสังฆภัณฑ์แห่งสำคัญของกรุงเทพฯ นั่นคือ “วังกรมพระสมมตอมรพันธุ์" ซึ่งเป็นวังเดิมของพระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ พระโอรสในรัชกาลที่ 4 และเป็นราชเลขาส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 5 ต้นราชสกุล "สวัสดิกุล ณ อยุธยา" และยังเคยเป็นโรงเรียนเทเวศร์วิทยาลัย และโรงเรียนเลิศประสาทวิชา ถือเป็นอาคารประวัติศาสตร์ทรงคุณค่า ที่ยังคงมีสภาพงานสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แต่ปัจจุบันถูกซุกซ่อนอยู่ และไม่ได้เปิดใช้งาน
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะนำพื้นที่แห่งนี้มาเปิดให้ได้ชมความงามและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และชุมชนโดยรอบ จากอาคารเก่าที่ถูกลืมให้กลายเป็นพื้นที่เล่าเรื่องของชีวิต-ชุมชน-สังคม-เมือง ที่ไม่ได้อยู่ในตำรา โดยความร่วมมือของทั้ง นักประวัติศาสตร์ทฤษฏีเมือง นักประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม นักโบราณคดีเมือง นักวิจัย นักออกแบบ รวมถึงชุมชนในพื้นที่ ถูกนำมาเล่าเรื่องผ่านการออกแบบแสง สี เสียง นิทรรศการ และกิจกรรมสร้างประสบการณ์ ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อเชื่อมโยงผู้คนให้เข้ามามีประสบการณ์และความทรงจำกับพื้นที่
ศิลปะแสงเสียง New Media Art ที่ตรอกทางเข้าวัง เล่าเรื่องเชื่อมวัง-ชุมชน เชื่อมปัจจุบัน - อดีต ดึงดูดผู้เข้าชมและเล่าเรื่องชุมชนรอบวัง ที่ขายเครื่องสังฆทานและพระพุทธรูป โดยนำเอาขั้นตอนการเททอง ผลิตพระพุทธรูปมาตีความใหม่และนำเสนอผ่านดิจิตัลอาร์ตสมัยใหม่ ออกแบบโดย Theerawat Klangjareonchai
การออกแบบแสงสี Architectural and Environmental lighting เพื่อคืนชีวิตให้กับวัง เช่น ส่องจุดเด่นทางสถาปัตยกรรมในยุค ฟื้นฟูศิลปะวิทยาการแบบตะวันตก (Renaissance) เช่น หน้าต่าง ช่องแสง คิ้ว บัว ออกแบบอุณหภูมิแสง และเทคนิคการจัดแสงแต่ละจุด เพื่อสร้างบรรยากาศที่เล่าเรื่องราวตามยุคสมัย ออกแบบโดย LIGHT IS and friends
ศิลปะภาพเคลื่อนไหว (illustration timelapse video) ตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการของย่านชุมชนวังฯ ฉายภาพพัฒนาการของบริบทของวังตั้งแต่ปี 2439 จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น แผนที่เก่า ภาพถ่ายทางอากาศ เล่าผ่านภาพลายเส้นการเกิดเมือง ถ่ายทอดผ่านวิดิโอสื่อผสม โดย Harid Thampacha
นิทรรศการเชิงประสบการณ์ นำเสนอเรื่องราวทางประวัติความเป็นมาของวัง การเปลี่ยนแปลงบทบาทของพื้นที่ และความสัมพันธ์กับชุมชน ผ่านภาพเก่า สิ่งของที่ยังหลงเหลืออยู่ และ Hologram 3 มิติ พร้อมสารคดีบันทึกข้อมูลและเรื่องราวของวัง และการเปลี่ยนแปลงของย่าน ผ่านมุมมองนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ และชุมชน
การแสดงและดนตรี ที่สะท้อนวิถีและเรื่องราวในอดีต เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมให้กับผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นการแสดง วาลวิชนี ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเบญจราชกกุธภัณฑ์ในสมัยนั้น การแสดงละครเพลง เรื่องราวเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษกับหญิงมิชชันนารีในสมัยร. 4 การแสดงดนตรีผสมผสานวัฒนธรรมไทยและตะวันตกผ่านบทเพลงในยุคสมัยเดียวกันกับเจ้าของวัง
งานกราฟฟิคเพื่อการสื่อสาร ตีความใหม่ เล่าผ่านการออกแบบอักษร ภายใต้แนวคิดกาลเปลี่ยนผ่าน ณ วังกรมพระสมมตอมรพันธ์ุ นำจุดเด่นของวังฯ มาออกแบบเป็นลายเส้นตัวอักษร สำหรับใช้ในสื่อต่างๆ โดย อาจารย์ธีรวัฒน์ พจน์วิบูลศิริ (อักษรสนาน)
______
Unfolding Bangkok: Living Old Building โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ร่วมกับ Urban Ally และศูนย์ข้อมูลสถาปัตยกรรมไทย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับนักออกแบบหลากหลายสาขา และภาคีเครือข่าย