Songkhla/Songkhla Old Town/District Projects
TH | EN

microWAVE FILM FESTival

เทศกาลหนังที่รวมคลื่นคนทําหนังทุกคลื่นความถี่ เพื่อผลักดันวงการหนังไทยไปข้างหน้า

microWAVE FILM FESTival
Published Date:

microWAVE FILM FESTIVAL

microWAVE FILM FESTival หรือ เทศกาลรวมคลื่น~หนังเคลื่อน จัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ 2567 (Pakk Taii Design Week 2024) เมื่อวันที่ 17-25 สิงหาคม 2567 ที่ย่านเมืองเก่าสงขลา จังหวัดสงขลา ริเริ่มขึ้นจากแนวคิดที่จะรวมคลื่นเล็กๆ จากทั่วทุกสารทิศให้กลายเป็นคลื่นยักษ์ ที่จะมีพลังเขย่าวงการและขับเคลื่อนสังคมได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นแพลตฟอร์มนำเสนอศักยภาพและเชื่อมต่อคนทำหนังรุ่นใหม่ที่มีพลังและไอเดียสดใหม่  ให้ได้มีโอกาสเข้าสู่วงการ ทั้งในด้านความรู้ ทักษะ โอกาสทางอาชีพ  รวมไปถึงจุดประกายให้คนทำหนังมืออาชีพทุกตำแหน่งในวงการ ได้เห็นโอกาสในการเชื่อมต่อโลกภาพยนตร์เข้ากับศาสตร์สร้างสรรค์สาขาอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดคอนเทนต์แนวใหม่ๆ ไอเดียเจ๋งๆ  ที่แสดงให้เห็นว่าหนังหนึ่งเรื่องเป็นได้มากกว่าที่คิด

Festival as a connector: คนทำหนัง~คนทำหนัง | คนทำหนัง~คนสร้างสรรค์วงการอื่น | คนทำหนัง~ผู้ชม | คน~เมือง | หนัง~เมือง”

หัวใจสำคัญของเทศกาลฯ

  • พื้นที่แสดงศักยภาพและโอกาสของคนทำหนังรุ่นใหม่
  • พื้นที่แห่งการเรียนรู้ แลกเปลี่ยน ต่อยอดผลงาน ของคนทำหนังทุกสายอาชีพ
  • พื้นที่แห่งความร่วมมือของผู้เล่นทั้งหมดในวงการภาพยนตร์ แบบไม่แบ่งแยก
  • พื้นที่แห่งความเป็นไปได้ใหม่ๆ เชื่อมวงการภาพยนตร์และวงการสร้างสรรค์อื่นๆ 
  • พื้นที่ในการใช้ศาสตร์ภาพยนตร์ในการขับเคลื่อนท้องถิ่นและเมือง 
  • พื้นที่ปลูกฝังวัฒนธรรมการดูหนังให้กับคนทั่วไป

ผลลัพธ์ของโครงการ

  • ผู้เข้าร่วมงาน 12,000 คน 
  • Filmmakers 90+ คน (30 young filmmakes, 60+ professional filmmakers)
  • Young filmmakers ส่วนหนึ่ง ได้รับโอกาสในการพัฒนาบท และโอกาสร่วมงานในวงการในหลายตำแหน่ง
  • Filmmakers ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ได้โอกาสเชื่อมกัน สู่โปรเจคใหม่ๆ หลังจากงาน

หนังสั้นนักศึกษาจบใหม่ คือ ใบเบิกทางเข้าสู่วงการ และเข็มทิศกำหนดทิศทางวงการ
ทุกอย่างเริ่มต้นจากคำถาม ที่คนในวงการเองก็อาจจะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

01 หนังสั้นจุลนิพนธ์นักศึกษา สุดท้ายไปอยู่ที่ไหน? 

หนังสั้นนักศึกษาคือผลงานชิ้นแรก ที่นักเรียนภาพยนตร์จะใช้เป็น portfolio ในการสมัครงาน คนในวงการหลายคน เข้าสู่วงการได้จากการที่รุ่นพี่ในวงการมีโอกาสได้ดูหนังสั้น แล้วชวนไปทำงานด้วย หรือชวนพัฒนาบทต่อเป็นหนังจริง แต่ในปัจจุบันโอกาสแบบนี้ลดน้อยลง เทศกาลฯ จึงเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่ฉายแสงให้หนังสั้นของคนทำหนังรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงผู้คนในวงกว้างมากขึ้น โดยรวมตัวรุ่นพี่ในวงการหลากหลายตำแหน่ง ไปจนถึงคนชอบดูหนังเข้ามารอชม และเปิดโอกาสให้ได้ทำความรู้จักกับ young filmmakers

02 ทำยังไงให้คนอยากมาดูหนังสั้นนักศึกษา? 

เพื่อเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อหนังสั้นนักศึกษา จึงต้องทำให้เทศกาลฯ น่าสนุก จนทุกคนอยากสละเวลามา จึงได้เกิดกิจกรรมแวดล้อมอื่นๆ ที่มากกว่าฉายหนัง ทั้งมีหนังยาวประเภทอื่นๆ ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ทอล์กในประเด็นใหม่ๆ จากคนในวงการหนังและนอกวงการ นิทรรศการ การแสดงสดจากนักแสดงมืออาชีพ ไปจนถึงกิจกรรมท่องเที่ยวเมือง โดยมีหนังสั้นนักศึกษาฉายวนลูปในโลเคชั่นต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าชมตลอดเทศกาลฯ

03 คนรุ่นใหม่สนใจดูอะไร?

คือคำถามที่คนทำหนังและทำคอนเทนต์ในปัจจุบันกำลังพยายามหาคำตอบ จากการคัดเลือกหนังสั้นนักศึกษาที่ส่งเข้ามากว่า 100 เรื่อง ทำให้พบเทรนด์ของคอนเทนต์ที่คนทำหนังและคนดูหนังรุ่นใหม่สนใจ ไม่ว่าจะเป็น What if Wonders หนังสั้นแวดล้อมปัญหาหรือจินตนาการของตัวเอง Family Hour ความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัว New Wave Politics สังคมและการเมืองในมุมมองคนยุคใหม่ The Memory Maze ห้วงแห่งความทรงจำที่ต้องดิ้นรนหาทางออก ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้สามารถนำมาศึกษา เพื่อคาดเดาทิศทางของกลุ่มผู้ชมในยุคสมัยนี้ได้


วงการหนังไทยกว้างใหญ่กว่ามหาสมุทร ทุกคลื่นความถี่ควรได้ปะทะกัน

“เราอยู่ในวงการเดียวกัน แต่ไม่เคยคุยกันเลย” - บ่งบอกช่องว่างในวงการที่ยังไม่เคยถูกเติมเต็ม เพราะแค่ประเภทหนังเองก็มีมากมาย ทั้งหนังแมส หนังอาร์ต หนังอินดี้ หนังทดลอง และนอกจากค่ายหนัง ค่ายซีรีย์แล้ว ก็ยังมี production house ที่รับทำเฉพาะหนังจากต่างประเทศ รวมไปถึง post production house สาขาต่างๆ และฟรีแลนซ์หลากหลายอาชีพ ที่ไม่ได้มีแค่ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ นักเขียนบท แต่ยังมีตำแหน่งอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น acting coach คนทำโลเคชั่น ผู้กำกับศิลป์ ผู้กำกับภาพ colorist ไปจนถึง fixer ซึ่งหารู้ไม่ว่าคนเหล่านี้ อาจไม่เคยโคจรมาเจอกันเลย

จึงทำให้เกิดไอเดียในการสร้างพื้นที่ให้ผู้คนจากหลากหลายคลื่นความถี่ โดยไม่จำกัดอายุ สังกัด ตำแหน่ง ให้ได้มา networking กัน ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง เลยมี OFTR (บาร์ที่ต่อยอดจากภาพยนตร์ One for the Road) มา pop up เป็นพิเศษ ร่วมกับบาร์ท้องถิ่นในย่าน ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดบทสนทนาดีๆ ที่สร้างผลงานมูลค่ามหาศาลให้แก่วงการนี้ได้

นอกจากนี้นักเรียนหนังเอง ก็ยังไม่รู้ว่าในวงการมีตำแหน่งอีกมากมายที่พวกเขาอาจจะสนใจ จึงได้จัดคลาสสนุกๆ ที่ออกแบบมาสำหรับ young filmmakers เจ้าของหนังสั้นที่มาฉายในเทศกาลฯ โดยเฉพาะ ให้ได้เรียนรู้จากรุ่นพี่ในวงการในตำแหน่งต่างๆ ทั้งอินไซต์ในชีวิตการทำงานจริง และเรื่องที่ห้องเรียนหนังไม่ได้สอน


เปลี่ยนภาพจำเทศกาลหนัง ‘หนามเตย’ ‘มีแต่คนทำหนัง ‘คุยกันแต่เรื่องหนัง’

รวมคลื่นคนสร้างสรรค์

ภาพยนตร์เป็นหนึ่งในไม่กี่ศาสตร์ของงานสร้างสรรค์ ที่จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญหลากหลายสาขามารวมกัน เพราะฉะนั้น หากจะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยส่งเสริมการเชื่อมต่อระหว่างศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้เกิดผลงานรูปแบบใหม่ๆ ภาพยนตร์ก็น่าจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีอนุภาพสูง ดังนั้น นอกจากคนในวงการหนัง คุยกันเรื่องหนังแล้ว เทศกาลฯ จึงเน้นเปิดโอกาสให้เห็นการเชื่อมกัน ไม่ว่าจะเป็น Music, Fashion, Graphic Design, Architecture, Interior Design ไปจนถึง Urban Design และอีกหลายๆ สาขา ที่คนในวงการหนังส่วนใหญ่ยังไม่เคยสัมผัส จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลในการจัดเทศกาลฯ ให้เป็นส่วนหนึ่งของ Pakk Taii Design Week ซึ่งเป็นแหล่งรวมคนสร้างสรรค์หลากสาขา

เทศกาลหนังที่ไม่จำเป็นต้องมีหนามเตย 

หนามเตย ม้วนฟิล์ม ในมุมหนึ่งก็บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นเทศกาลอะไร แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็อาจจะทำให้คนนอกวงการรู้สึกเป็น outsider แต่ในเมื่อผู้ชมหนังก็คือคนทั่วไปในทุกสาขาอาชีพ เทศกาลหนังก็ควรจะมีบรรยากาศที่ต้อนรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ที่จัดในพื้นที่สาธารณะ สามารถ walk in เข้ามาร่วมได้เลย โดยมีสตาฟเป็นนักเรียนมัธยมในพื้นที่ ไปจนถึงภาพการสื่อสารต่างๆ อย่างช่อมะกอก (Laurel Wreath) ที่มักเห็นกันบนโปสเตอร์หนังรางวัลต่างๆ ก็ถูกนำมาเปลี่ยนให้มีลูกเล่น กลายเป็นช่อสะตอ ให้กลิ่นอายความเป็นท้องถิ่น และทุกคนเข้าถึงได้


เทศกาลฉายหนัง ต้องฉายแสงให้เมืองดัวย

สิ่งที่เทศกาลฯ ให้ความสำคัญที่สุด คือ ไม่ใช่เพียงการมาใช้สถานที่ แต่ต้องฉายแสงให้เห็นความเสน่ห์ของเมือง วิถีท้องถิ่น รวมไปถึงทำให้กิจการท้องถิ่นค้าขายได้

ที่ไหนก็ฉายหนังได้

แม้เมืองเก่าสงขลาจะไม่มีโรงหนังก็ไม่เป็นไร เพราะหนังฉายได้ทุกที่ เทศกาลฯ จึงอยากนำพาภาพยนตร์เข้ามาใกล้ตัวผู้คนในชุมชนมากยิ่งขึ้น พร้อมกับสร้างตัวอย่างให้เห็นว่าสามารถจัดฉายภาพยนตร์ในสถานที่แบบใดได้บ้าง ใน 4 รูปแบบทั่วย่านเมืองเก่า ในระยะเดินถึงกัน

  • โรงสีแดง HUB HO HIN: ลานฉายหนังกลางแปลงยามค่ำคืนริมทะเลสาบสงขลา ที่หับ โห้ หิ้น ท่าเรือและแลนด์มาร์คของย่าน
  • a.e.y. space: creative space และ micro cinema แห่งเดียวของย่าน โดดเด่นที่การรีโนเวทอาคารโบราณแบบอนุรักษ์
  • Virung Coffee & Bar: แปลงโฉมคาเฟ่ในตึกเก่าให้กลายเป็นโรงหนัง สถานที่เวิร์คชอป และเสวนา
  • Dhutanga Cinema: Portable cinema โรงหนังเคลื่อนที่ตั้งบนพื้นที่ว่างไม่ได้ใช้ประโยชน์ พร้อมระบบแอร์ และระบบเสียงคุณภาพเยี่ยม ทำให้เราได้เห็นภาพเพื่อนฝูง คู่รัก ลูกหลานจูงมือผู้สูงวัยในบ้าน ออกมาดูหนังกันตลอดท้ังเทศกาลฯ

กิจกรรมทำความรู้จักเมือง ไปพร้อมกับรู้จักหนัง

นอกจากหนังที่คัดเลือกมาฉายจะเป็นหนังที่เกี่ยวกับภาคใต้ในหลายๆ จังหวัด ที่ทำให้เห็นบรรยากาศ บริบท เรื่องราว และประเด็นปัญหาในท้องถิ่นแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทริปถ่ายภาพในโลเคชั่นน่าสนใจ รอบๆ เมืองเก่าสงขลา ไปจนถึง ทริปต่อยอดจากหนัง พาไปฟังเสียงธรรมชาติที่กำแพงกั้นคลื่น และนิทรรศการจากบทหนังปักษ์ใต้ที่จัดแสดงกระจายทั่วเมืองเก่า ชวนให้ไปทำความรู้จักกับบริบททางสังคมของคนใต้ผ่านบทสนทนาในหนัง ไปจนถึงการแสดงสดแบบ site-specific โดยนักแสดงหนัง ผ่านการกำกับแบบศาสตร์ภาพยนตร์ ที่พาไปพบกับพื้นที่ลับๆ ในย่าน ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความทรงจำ

ฉายแสงให้ร้านค้าในย่าน

Young filmmakers ทีมผู้ผลิตหนังสั้นที่ได้มาฉายในเทศกาลฯ จะได้รับ coupon อาหาร สำหรับใช้ในร้านอาหารและเครื่องดื่มในย่าน เปิดโอกาสให้ได้ตะลุยชิมอาหารท้องถิ่นหลายๆ ร้าน ซึ่งไม่แน่อาจจะเป็นวัตถุดิบในการสร้างหนังเรื่องใหม่ของพวกเขาก็ได้


เด็กท้องถิ่นต้องได้เปิดหู-เปิดตา

วัฒนธรรมการดูหนัง ควรได้รับการปลูกฝังตั้งแต่ยังเด็ก เทศกาลฯ จึงได้ร่วมกับชมรมดูหนังในโรงเรียนมัธยม และนักศึกษามหาวิทยาลัยในพื้นที่ ตั้งแต่เข้าไปจัดทอล์ก พูดคุยทำความรู้จักเกี่ยวกับวงการหนัง และเปิดรับสมัครเด็กๆ ที่สนใจให้มาเป็นสตาฟในเทศกาลฯ เพื่อเปิดหูเปิดตา และสัมผัสวงการหนังในหลากหลายมิติ นำไปสู่การสร้างผลงานใหม่ๆ โดยไม่ติดกรอบเดิมๆ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุด หลังจากเทศกาลฯ จบไปแล้ว คือ คนรุ่นใหม่ในจังหวัดควรได้รับการปลูกฝังแรงบันดาลใจจากพลังของภาพยนตร์ ที่จะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของเมืองได้ในอนาคต


microWAVE FILM FESTival  โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ร่วมกับบุคลากรในวงการภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มหาวิทยาลัย โรงเรียนมหาวชิราวุธ สตูดิโอภาพยนตร์ต่างๆ ในวงการภาพยนตร์