Khon Kaen/Sri Chan/District Stories
TH | EN

บ้านสาวะถี

จากรากเหง้าภูมิปัญญาแห่งขอนแก่น สู่ความยั่งยืนของชุมชนเศรษฐกิจสร้างสรรค์

บ้านสาวะถี
Published Date:

บ้านสาวะถี: จากรากเหง้าภูมิปัญญาแห่งขอนแก่น สู่ความยั่งยืนของชุมชนเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ในโลกที่ทุกอย่างเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ชุมชนหลายแห่งต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษารากเหง้าทางวัฒนธรรม ขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่สำหรับ ชุมชนบ้านสาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การนำภูมิปัญญาดั้งเดิมมาเป็นต้นทุนทางวัฒนธรรม สามารถขับเคลื่อนชุมชนไปสู่การเป็นต้นแบบของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้อย่างยั่งยืน โดยมี พี่หน่อย-คุณสุมาลี สุวรรณกร อดีตสื่อมวลชนผู้มองเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ เป็นกำลังสำคัญในการนำพาทุกภาคส่วนมาร่วมกันปั้นแต่งขอนแก่นที่อยากให้เป็น

รากเหง้าอันล้ำค่าแห่งอดีต

บ้านสาวะถีเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยทวารวดี หรือเมื่อราว 2,000-3,000 ปีก่อน โดยมีการค้นพบเมืองโบราณ ใบเสมา และกำแพงเมืองที่มีอายุราว 1,600-2,000 ปี ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงการตั้งถิ่นฐานอย่างมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนามาอย่างยาวนานในพื้นที่แห่งนี้ ชื่อ “สาวะถี” เองก็มีที่มาที่น่าสนใจ บ้างก็ว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “สาวัตถี” ซึ่งเป็นชื่อเมืองในพุทธประวัติ หรืออาจมาจากคำว่า “สระ” ที่หมายถึงสระน้ำ และ “ถี่” ที่หมายถึงมีสระน้ำจำนวนมากอยู่ติดกัน

หัวใจของชุมชนสาวะถีคือ วัดไชยศรี ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ “สิม” หรือโบสถ์โบราณอายุกว่า 100 ปี ที่โดดเด่นด้วย “ฮูปแต้ม” หรือจิตรกรรมฝาผนังอันเป็นเอกลักษณ์ ฮูปแต้มเหล่านี้บอกเล่าเรื่องราวจากวรรณกรรมพื้นบ้านอีสานเรื่อง “สังข์สินไซ” หรือ “สินไซ” ซึ่งเป็นนิทานที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวอีสาน ความพิเศษของฮูปแต้มที่วัดไชยศรีอยู่ตรงที่การใช้สีจากธรรมชาติทั้งหมด อาทิ สีครามจากต้นคราม สีเหลืองจากแก่นขนุนหรือต้นเข้ สีขาวจากเปลือกหอยเผา และสีดำจากเขม่าไฟ ซึ่งถึงแม้จะผ่านมาหว่า 160 ปี และมีการบูรณะมาแล้วหลายครั้ง ภาพเหล่านี้ก็ยังคงความงามและทันสมัยอยู่เสมอ สะท้อนถึงภูมิปัญญาอันล้ำค่าของคนอีสาน นอกจากนี้ ชุมชนสาวะถียังคงยึดถือประเพณีดั้งเดิมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะ “ฮีต 12” หรือประเพณี 12 เดือน ซึ่งจัดขึ้นอย่างเข้มแข็งที่วัดไชยศรี

ลมหายใจแห่งหมอลำและภูมิปัญญาอาหาร

บ้านสาวะถีได้ชื่อว่าเป็น "หมู่บ้านหมอลำ" ของจังหวัดขอนแก่นมาตั้งแต่อดีต ที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดของคณะหมอลำที่มีชื่อเสียงมากมาย รวมถึงคณะ “ระเบียบวาทศิลป์” ที่โด่งดังไปทั่วประเทศ และเพื่อสืบสานศิลปะการแสดงอันเป็นเอกลักษณ์นี้ ชุมชนจึงได้จัดตั้งคณะ “หมอลำหุ่นสินไซน้อย 100 ปี” ขึ้น โดยเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านสาวะถีนำเรื่องราวสินไซมาแสดงประกอบกับหุ่นที่ประดิษฐ์จากกระติ๊บข้าวเหนียว โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรม แต่ยังส่งเสริมทักษะการแสดงออก สมาธิ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กๆ อีกด้วย

อีกหนึ่งภูมิปัญญาที่น่าสนใจคือ “ข้าวเกรียบสมุนไพรเครือตดหมา” ขนมโบราณชนิดนี้ใช้รากของ “เครือตดหมา” (หรือกระพังโหม) เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งเป็นเคล็ดลับที่ทำให้ข้าวเกรียบเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น ไม่แตกง่าย

พลังขับเคลื่อนจากผู้คนและ “สินไซโมเดล”

พี่หน่อย-สุมาลี สุวรรณกร คือคนบ้านสาวะถีที่มองเห็นคุณค่าในภูมิปัญญาและวิถีชีวิตดั้งเดิมของบ้านเกิดตนเอง เธอและทีมงานได้ช่วยกันจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับชาวบ้านในชุมชน โดยใช้ “สินไซโมเดล” เป็นกรอบแนวคิดหลัก สินไซโมเดลเน้นการทำงานเพื่อชุมชน การประสานความร่วมมือระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานสนับสนุน โดยดึงศักยภาพเฉพาะบุคคล และทัศนคติที่ดีของคนในชุมชนมาใช้ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และวางแผนการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ หัวใจหลักของการบริหารจัดการวัฒนธรรมในชุมชนสาวะถีคือ การมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน ตั้งแต่วัด โรงเรียน ชุมชน ภาครัฐ ไปจนถึงภาคเอกชน

ปัจจุบัน บ้านสาวะถีได้ก้าวสู่การเป็น วิสาหกิจเพื่อสังคม ภายใต้ชื่อ บริษัท สินไซโมเดล จำกัด. การจัดตั้งบริษัทนี้สะท้อนความตั้งใจในการทำธุรกิจเพื่อสังคม ไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรสูงสุด แต่เน้นการสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน และลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะการสร้างงานให้กลุ่มเปราะบาง สตรี และผู้สูงอายุ

การต่อยอดสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์และการท่องเที่ยว

จากการนำภูมิปัญญามาต่อยอด ชุมชนสาวะถีได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ลายฮูปแต้มสินไซถูกนำมาออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ผ้าคลุมไหล่ แก้วกาแฟ เสื้อยืด และกระเป๋า นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เช่น การรับประทานอาหารพื้นถิ่นรสแซ่บอีหลีในรูปแบบ “พาสวยสินไซ” ที่นำเสนอเรื่องราวของชุมชนและวรรณกรรมสินไซผ่านสำรับอาหาร หรือ “ข้าวปุ้นฮ้อนสินไซเดินดง” กิจกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในชุมชน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาดูงานและเยี่ยมชมจำนวนมาก สร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น

ความยั่งยืนของการพัฒนาชุมชนสาวะถีเกิดจากการถ่ายทอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่อง เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ผ่านหลักสูตรท้องถิ่นที่บูรณาการวรรณกรรมสินไซเข้ากับวิชาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ศิลปะ หรือแม้กระทั่งคณิตศาสตร์ สิ่งนี้ทำให้เด็กๆ ได้ซึมซับคุณธรรมจริยธรรม และเกิดความภาคภูมิใจในรากเหง้าของตนเอง

บ้านสาวะถีในเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2025

ด้วยศักยภาพอันโดดเด่นและวิถีการพัฒนาที่ยั่งยืน ชุมชนบ้านสาวะถีจึงได้เป็นส่วนหนึ่งของ เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2568 (Isan Creative Festival 2025 - ISANCF 2025) ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อีสานโชว์พ(ร)าว – ISAN SOUL PROUD” เพื่อปลุกพลังซอฟต์พาวเวอร์และส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในภาคอีสาน เทศกาลนี้เป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่เชื่อมโยงธุรกิจ คน และเมือง ผ่านความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ขอนแก่น, ผู้ประกอบการสร้างสรรค์, เครือข่ายนักสร้างสรรค์, ภาครัฐ, ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม

การเดินทางของบ้านสาวะถี คือบทพิสูจน์ว่า เมื่อผู้คนในชุมชนมองเห็นคุณค่าในตัวเอง มีผู้นำที่เข้มแข็ง และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รากเหง้าทางวัฒนธรรมจะกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยขับเคลื่อนให้ชุมชนเติบโตและเปล่งประกายอย่างภาคภูมิใจบนเวทีเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้อย่างแท้จริง

#HomeTown #ตะโกนให้โลกรู้ว่าที่นี่บ้านเรา #ขอนแก่น #KhonKaen #สาวะถี #CreativeCity #เมืองสร้างสรรค์ #CEA #BURABHA


เรื่องราว ภาพและวิดิโอ: HOME/TOWN และ The Explorer โดย บูรพา