เทศกาลมาแต่ตรัง…นำเสนอศักยภาพของย่านเมืองเก่าทับเที่ยงในการพัฒนาสู่ย่านสร้างสรรค์ โดยใช้งานออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ มาเป็นเครื่องมือทำหน้าที่เปิดประเด็นเกี่ยวกับปัญหาเชิงพื้นที่ และการต่อยอดของดีในพื้นที่ที่อาจถูกมองข้าม เช่น การใช้พื้นที่ทิ้งร้างให้เกิดประโยชน์ สถาปัตยกรรมทรงคุณค่า เพิ่มทางเลือกที่หลากหลายและกระจายตัวของกิจกรรม และที่สำคัญคือโอกาสการร่วมกลุ่มและสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ พร้อมเชื่อมต่อเครือข่ายนอกพื้นที่ ให้เกิดการต่อยอดในอนาคต
“มาแต่ตรัง ไม่หนังก็โนรา” เพื่อสื่อว่านอกจากหนังตะลุงและมโนราห์แล้ว ตรังยังมีของดีอีกมายมายที่รอการหยิบไปต่อยอด…
โครงการนี้ริเริ่มขึ้นโดย CEA และ Urban Ally ได้เข้าไปสร้างความเข้าใจ และผลักดันให้จังหวัดตรังเห็นความสำคัญของการนำความคิดสร้างสรรค์มาใช้เพิ่มมูลค่าในด้านต่างๆ รวมถึงเปิดประเด็นการพัฒนาพื้นที่ริมคลองห้วยยางที่ถูกทิ้งร้าง เพื่อเชื่อมต่อ landmark ต่างๆ ในย่านในระยะเดินเท้าได้ ให้กลายเป็นเส้นทางเดินละเลาะใหม่ใจกลางเมืองเก่า ที่จะช่วยปลดล็อกและทำให้เมืองมีศักยภาพเป็น walkable city ได้ ทำให้จังหวัดตั้งงบประมาณในการจัดทำโครงการนี้ให้เกิดขึ้นจริง รวมถึงมีแผนพัฒนาพื้นที่ต่อเนื่องจากโครงการ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-26 พฤศจิกายน 2566 ในพื้นที่ย่านเมืองเก่าทับเที่ยง ผ่านกิจกรรมหลายรูปแบบใน 4 โซน 7 สถานที่ โดยมีชาวตรังเป็นผู้ร่วมลงมือจัดงานด้วย
ผลลัพธ์ของโครงการ
- ผู้เข้าร่วมชมงาน จำนวน 126,208 คน (ยอดรวมจำนวนจากทุกจุด) เฉลี่ย 65,274 ราย
- Economic Impact 399.2 ล้านบาท
- จังหวัดและเทศบาลฯ เข้าใจและสนับสนุนงานสร้างสรรค์ โดยการตั้งงบประมาณในการทำงาน และอำนวยการจัดกิจกรรม
- เกิดเครือข่ายนักสร้างสรรค์และศิลปินในพื้นที่เพิ่มขึ้นและมีการทำงานร่วมกัน ทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นกลาง รุ่นเล็ก เช่น กลุ่ม Backyard กลุ่ม Urban Sketcher กลุ่มเถตรัง เป็นต้น รวมไปถึงชุมชนในพื้นที่
- เกิดการต่อยอดงานในอนาคต เช่น หน่วยงานภาครัฐท้องถิ่นเห็นความเป็นไปได้ในการพัฒนาคลองห้วยยาง และย่านเมืองเก่า มีการจัดทำแผนพัฒนาให้เกิดกิจกรรมต่อเนื่อง บรรจุอยู่ในแผนงานและการของบประมาณปีต่อไป
- เกิดการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ใหม่ เช่น กลุ่มนักสร้างสรรค์เห็นความเป็นไปได้ใหม่ในการใช้งานอาคารทิ้งร้างอย่างโรงหนังตรังรามาที่สามารถทำอะไรต่อได้ เกิดการคุยต่อยอดการใช้พื้นที่กับ BAM
Zone 1: คริสตจักรตรัง The Beginning (คริสตจักรตรัง - ตรังชาตะ - ลานปศุสัตว์)
คริสตจักรตรัง แลนด์มาร์คแห่งประวัติศาสตร์ของเมือง เพิ่มบทบาททำหน้าที่เป็นแคนวาสบอกเล่าเรื่องราวของเมืองผ่านศิลปะแสงสีรูปแบบใหม่ ออกแบบโดย DecideKit และ Fuum Studio
ตรังชาตะคลินิก โรงพยาบาลคริสเตียนที่เรียกได้ว่าเคยเป็นที่ทำคลอดของเด็กชาวตรังแทบทุกราย ถูกปรับบทบาทให้กลายเป็น Chata Creative Lab สำหรับทดลอง และนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ของคนสร้างสรรค์ท้องถิ่นหลากหลายรูปแบบ ขับเคลื่อนโดย ทีมหัวนอน ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ชาวตรังที่พร้อมขับเคลื่อนเมืองด้วยงานสร้างสรรค์
Zone 2: วิกเพชร Hidden Gem
โรงหนังเพชรรามา โรงหนัง Stand Alone ที่ยังหลงเหลืออยู่แห่งเดียวของย่าน ถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ในเทศกาลฯ เพื่อนำเสนอความทรงจำของคนในพื้นที่และภาพยนตร์ ผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยกลุ่ม micro cinema ในตรังอย่าง Backyard Trang Cinematic
Zone 3: คลองห้วยยาง Art Zone
คลองห้วยยาง ซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของพื้นที่ใจกลางย่านการค้า ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพที่ถูกมองข้ามไป จึงถูกชูขึ้นมาให้เป็นจุดเด่นในเทศกาลฯ ผ่าน Installation Art และพื้นที่นั่งเล่น โดยกลุ่ม Urban Seeker เพื่อเปิดบทสนทนา ระดมความเห็นเพื่อการพัฒนาคลองห้วยยางร่วมกันในอนาคต
Zone 4: ทำกับมือ Handling
มูลนิธิกุศลสถาน ตลาดอาหารท้องถิ่นและงานสร้างสรรค์ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน และได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก
แสงเชื่อมเมือง
ทั้ง 4 โซนของเทศกาลฯ ใช้การออกแบบแสง โดยทีม Lightis and Friends มาเป็นเครื่องนำทาง เชื่อมต่อผู้คนสู่ landmark ต่างๆ ทำให้การเดินเที่ยวในเทศกาลฯ ทั้งสนุกและสะดวก
มาแต่ตรัง โดย จังหวัดตรัง, ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง, เทศบาลนครตรัง , CEA, ศูนย์มิตรเมือง (Urban Ally), กลุ่ม Backyard, กลุ่ม Urban Seeker กลุ่มหัวบอน, กลุ่มผู้ประกอบการ YEC, คริสตจักรตรัง, มูลนิธิกุศลสถานตรัง, กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าในย่าน, ชุมชน กลุ่มผู้ประกอบการสร้างสรรค์ อาทิ Plantoy ศรีตรัง ปุ้มปุ้ย