RE-VENDOR เจริญกรุง 32
“กรุงเทพฯ คือ เมืองสวรรค์แห่งสตรีทฟู้ด แต่มาพร้อมปัญหาเรื่องความสะอาดและการสัญจร การออกแบบจะเข้ามาช่วยหาสมดุลในการมีอยู่ของสตรีทฟู้ด ที่จะตอบโจทย์และเป็นมิตรกับทุกคนอย่างไร?”
RE-VENDOR Charoenkrung 32 คือ โมเดลทดลองการจัดการสตรีทฟู้ดริมทางในซอยเจริญกรุง 32 ซึ่งประกอบไปด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 17 ร้าน ถือเป็นเสมือนโรงอาหารของชาวออฟฟิศและชุมชนในย่านเจริญกรุง ในละแวกไปรษณีย์กลางบางรัก รวมถึง CEA เองด้วย และยังเป็นเส้นทางสัญจรเชื่อมต่อสถานที่สำคัญในย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์เจริญกรุง
จึงเกิดโครงการขึ้นมาเพื่อพัฒนาแนวคิด ตัวอย่าง ทางเลือกในการบริหารจัดการร้านค้าริมทางที่ทั้งถูกกฎหมาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต่อผู้ขาย ผู้ซื้อ ไปจนถึงผู้สัญจรไปมา โดยการหาจุดร่วมระหว่างนโยบายภาครัฐ กฎหมาย ความรู้ความเข้าใจต่อสาธารณะ ความเป็นส่วนรวม ความต้องการของผู้ซื้อ-ผู้ขาย ผสมผสานความรู้ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เข้ากับศาสตร์การออกแบบสาขาต่างๆ เพื่อส่งต่อให้กรุงเทพมหานครนำไปเป็นกรณีศึกษา นำไปสู่การปรับใช้จริงในอนาคต
หัวใจสำคัญของโครงการ คือ ‘ความร่วมมือ’ ระหว่างหน่วยงานรัฐ ผู้ประกอบการร้านค้าริมทาง สถาบันการศึกษา และนักออกแบบ เพื่อให้เกิดการร่วมนำเสนอปัญหาและโอกาสจากทุกมิติ ทั้งในเชิงกายภาพ สิ่งแวดล้อมและการบริการ ผสมผสานองค์ความรู้แต่ละด้าน เพื่อออกแบบวิธีก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีความสมดุล เพื่อนำไปสู่การใช้งานจริงที่จับต้องได้
ผลลัพธ์ของโครงการ
- มีความเปลี่ยนแปลงด้านความเป็นระเบียบ ด้านความสะอาด สภาพแวดล้อม อย่างเห็นได้ชัด โดยที่คนนอกสังเกตได้
- สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้ในช่วงแรก (6-8 เดือน) แม้จะมีการไม่ปฏิบัติตามบ้างในภายหลัง แต่ในภาพรวมถือว่ายังเป็นระเบียบ และงานออกแบบยังถูกใช้งานอยู่ทุกร้าน
- ลดช่องว่างระหว่างผู้ประกอบการร้านค้า และเทศกิจ ได้สื่อสารกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้นโดยมี CEA เป็นตัวกลาง
- กรุงเทพมหานครฯ ได้จัดอบรมเทศกิจทุกเขต โดยนำโครงการไปเป็นกรณีศึกษา และเชิญเทศบางรักและนักออกแบบไปแบ่งปันประสบการณ์
- ร้านค้าเข้าใจกฎในการอยู่ร่วมกัน และความเป็นส่วนร่วมมากขึ้น
- เกิดการต่อยอดการพัฒนาต้นแบบถังดักไขมันในปีถัดไป
- ร้านค้าเอาภาพคาแรกเตอร์ที่ออกแบบในโครงการไปต่อยอดใช้งานต่อ
เริ่มต้นจากปัญหาและความต้องการ ไม่ด่วนสรุป
ซอยเจริญกรุง 32 ซึ่งอยู่ระหว่างอาคารไปรษณีย์กลางบางรัก และ Warehouse 30 มีลักษณะเป็นซอยย่อยและเป็นซอยตัน รถวิ่งเข้าออกได้ 2 เลน มีร้านค้ารถเข็นตั้งอยู่ริมกำแพงขอบทาง รายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ สถานที่ท่องเที่ยว และเป็นเส้นทางเดินลัดไปสถานที่อื่นๆ ในย่านเจริญกรุง
จะเห็นได้ว่าพื้นที่มีผู้เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน และประเด็นของสตรีทฟู้ดมีความละเอียดอ่อน เพราะมีข้อถกเถียงที่แตกต่างกันหลายมุมมอง ดังนั้นโครงการจึงให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจปัญหา และความต้องการของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งก่อนการออกแบบ ซึ่งประกอบด้วย เทศกิจ ผู้ขาย ผู้ซื้อ ผู้สัญจร
กระบวนการลงพื้นที่และพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้อง นำโดยนักศึกษาด้านการออกแบบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาการออกแบบสื่อสาร และภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเริ่มต้นจากการพูดคุยกับผู้ขาย ผู้ซื้อ ผู้สัญจร สอบถามถึงปัญหา ความอึดอัดใจ ความต้องการ และชวนคิดต่อถึงสิ่งที่ควรมี/อยากให้มี และความเป็นไปได้ รวมไปถึงสำรวจพื้นที่จริงในซอยเจริญกรุง 32 ทั้งในเชิงกายภาพและการให้บริการของร้านค้า จึงได้พบประเด็นปัญหาหลักๆ ที่จะนำมาใช้ตั้งต้น ได้แก่ การจัดการพื้นที่เชิงกายภาพ การให้บริการ และการจัดการสภาพแวดล้อม
แชร์ insight ชวนคิดร่วมกัน
ด้วยนโยบายของกรุงเทพมหานคร ให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบและยกระดับร้านค้าริมทาง ซึ่งมีความละเอียดอ่อน หลังจากสำรวจปัญหาเบื้องต้นในมุมพื้นที่ และมุมของผู้ประกอบการแล้ว จึงต้องตั้งต้นจากการการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในมุมนโยบาย ข้อจำกัด วิธีจัดการของหน่วยงานรัฐทั้งในปัจจุบันและอนาคต ร่วมกับเทศกิจเขตบางรัก
หลังจากได้ประเด็นปัญหาเบื้องต้นแล้ว จึงมาสำรวจเชิงลึกร่วมกับ 4 กลุ่มผู้เกี่ยวข้อง (หน่วยงานรัฐ ผู้ค้า ผู้ใช้บริการ ผู้สัญจร) โดยตั้งต้นจากนโยบาย ข้อจำกัด วิธีจัดการของหน่วยงานรัฐทั้งในปัจจุบันและอนาคต แล้วเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แชร์ปัญหา ความอึดอัดใจ ความต้องการ สิ่งที่ควรมี/อยากให้มี ความเป็นไปได้ แล้วสรุปแนวโน้มภาพรวมของคำตอบมาเป็นประเด็นต่างๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมสร้างโจทย์ และเสนอไอเดีย แนวทางแก้ไขปัญหาที่จะสามารถตอบโจทย์ทุกฝ่ายมากที่สุด โดยเน้นปลายทางที่ทำให้เกิดการสื่อสาร ข้อตกลง ความสัมพันธ์ ความเข้าใจ ‘ร่วมกัน’ ให้ได้มากที่สุด
ออกแบบจากโจทย์และไอเดียที่ทุกฝ่าย win-win
นักศึกษานำข้อมูลมาตั้งเป็นโจทย์ พร้อมไอเดียและแนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ที่จะสามารถตอบโจทย์ทุกฝ่ายมากที่สุด แล้วนำไปสอบถามความคิดเห็นของทุกฝ่าย โดยเน้นปลายทางที่ทำให้เกิดการสื่อสาร ข้อตกลง ความสัมพันธ์ ความเข้าใจ ‘ร่วมกัน’ ให้ได้มากที่สุด ออกมาเป็น 4 โจทย์หลักและไอเดียแก้ปัญหา ที่เห็นพ้องต้องกันทุกฝ่ายแล้ว ดังนี้
โจทย์ 1: การติดต่อ สื่อสาร เพื่อสร้างความเข้าใจ ระหว่างผู้ค้า (เก่าและใหม่) และภาครัฐ
ไอเดีย: แพลตฟอร์มสื่อสารระหว่างผู้ค้า และภาครัฐ ทั้งรูปแบบออนไลน์ ออฟไลน์ คู่มือข้อตกลงร่วมกัน
โจทย์ 2: การจัดการขยะและของเสีย และรักษาความสะอาดร่วมกัน
ไอเดีย: ระบบ วิธีการลด-แยก-จัดการ ขยะและของเสีย ที่ทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อมีส่วนร่วม ที่สัมพันธ์กับการจัดเก็บของภาครัฐ
โจทย์ 3: การจัดการพื้นที่ ระหว่างผู้ค้า รัฐ และเจ้าของพื้นที่เอกชน เพื่อให้เป็นระเบียบ สะอาด ปลอดภัยต่อผู้ซื้อ ผู้สัญจร
ไอเดีย: จัดระเบียบพื้นที่จุดสั่งอาหาร พื้นที่ทานอาหาร พื้นที่ล้างรวม เพื่อเพิ่มทางเดินและพื้นที่สาธารณะ
โจทย์ 4: การพัฒนาบริการ ให้สะดวกทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อ
ไอเดีย: ระบบบริการตนเอง (self service) เพื่อลดภาระผู้ค้า และเพิ่มจุดบริการถังขยะ-แยกขยะ รวมถึงการออกแบบการให้ข้อมูลเมนูและราคา และการสั่งอาหาร
โจทย์ 5: การส่งเสริมคุณค่าและอัตลักษณ์ของพื้นที่
ไอเดีย: การออกแบบใช้สี ลวดลาย คาแรกเตอร์ที่เป็น street art ไปด้วยในตัว สอดคล้องกับจุดเด่นย่าน
ทดสอบการใช้งานจริง ว่าสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง
จากไอเดียที่ร่วมกันคิดออกมาเป็น prototype เพื่อทดสอบผลลัพธ์ และรวบรวมความคิดเห็นของผู้ใช้งานจริงทุกฝ่าย ในระยะเวลา 9 วัน ในช่วง Bangkok Design Week 2024
- พื้นที่บริการส่วนรวม: จุดคืนจาน จุดล้างจานรวม จุดทิ้งขยะ จุดเครื่องดังไขมัน จุดแยกขยะ พร้อมป้ายสื่อสารสร้างความรู้ ความเข้าใจผ่านสัญลักษณ์
- การจัดสรรพื้นที่ร้านค้าและพื้นที่นั่งทานอาหารร่วมกัน โดยใช้โครงสร้างเต๊นท์พับได้และมีที่ปิด ขนาด 2x2 เมตร และ 2x3 เมตร เพื่อกำหนดขอบเขตพื้นที่ร้านค้าให้อยู่ในระยะ 2 เมตร จากกำแพง ทำให้มีพื้นที่ทางเดินสาธารณะชัดเจน
- บ่อดักไขมันสำหรับแต่ละร้าน
- เวิร์คชอปให้ความรู้เรื่องการแยกขยะ การนำขยะเศษอาหารไปสร้างมูลค่า และการใช้ถังดักไขมัน
- ออกแบบการสื่อสารการใช้งานเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม
วัดผลการออกแบบเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
จากความคิดเห็นของผู้ใช้งานจริง พบว่าการออกแบบแต่ละจุดทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นปานกลางถึงมาก ทั้งในด้านความเป็นระเบียบ ความสะอาด สภาพแวดล้อม รวมถึงการออกแบบมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อ ทั้งการแยกขยะและเก็บจาน
ผู้ค้าส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือดีในการบริหารจัดการร้านค้าให้อยู่ในขอบเขตพื้นที่ที่กำหนด รวมถึงรักษาความเป็นระเบียบในการปิดร้าน แม้จะมีการเพิ่มเติมที่นั่ง ร่ม ในช่วงเวลาที่ลูกค้าเยอะ และยังให้ความร่วมมือในการแยกขยะ และใช้บ่อดักไขมันและตักไขมันออกสม่ำเสมอ รวมไปถึงผู้ซื้อ โดยเฉพาะลูกค้าใหม่ ให้ความร่วมมือในการเก็บจานและแยกขยะเป็นอย่างดี
Re-vendor เจริญกรุง 32 โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ร่วมกับ Cloudfloor, เจ้าหน้าที่เทศกิจ สํานักงานเขตบางรัก, คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาการออกแบบการสื่อสาร และ ภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ประกอบการร้านค้าริมทางในซอยเจริญกรุง 32