Lampang/Kard Kong Ta/District Projects
TH | EN

เปิด ‘ม่าน’ เมือง ‘ลำปาง’

ชวนมาลองรู้จักวัฒนธรรมพม่าในลำปาง ผ่านกลุ่มลูกหลานลำปาง

เปิด ‘ม่าน’ เมือง ‘ลำปาง’
Published Date:

เปิด ‘ม่าน’ เมือง ‘ลำปาง’

เมืองลำปางเป็นศูนย์กลางการค้าไม้ที่รุ่งเรืองจากการทำสัมปทานป่าไม้ระหว่างล้านนาและอังกฤษ ชาวพม่าเข้ามาเป็นแรงงานตัดไม้และนักธุรกิจค้าไม้ในลำปาง ทำให้ลำปางกลายเป็นที่ตั้งรกรากของชาวพม่า เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรม จนทำให้วัฒนธรรมพม่าถือเป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครของเมืองลำปาง ตั้งแต่สถาปัตยกรรมวัดพม่า อาหารการกิน ข้าวของเครื่องใช้ ไปจนถึงประเพณีข้าวซ่อมต่อในวัดพม่าที่มีเฉพาะในลำปางเท่านั้น และโคมม่านแปดเหลี่ยม แต่เสน่ห์เหล่านี้ยังไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง

"ม่าน" หรือ "มล่าน" ในภาษาล้านนา หมายถึง ชาวพม่า ซึ่งมีความผูกพันทางประวัติศาสตร์กับล้านนามาแต่โบราณ

โครงการจึงจัดขึ้นเพื่อชวนทุกคนให้มาทำความรู้จักกับ ‘ม่าน’ ในเมืองลำปาง โดยใช้งานสร้างสรรค์เข้ามาเป็นเครื่องมือในการบอกเล่าเรื่องราวคุณค่าของม่าน ซึ่งถือเป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมของเมืองที่ล้ำค่า เพื่อจุดประกายให้เกิดการต่อยอด ให้คงอยู่ไปกับยุคสมัยได้ ผ่านการพัฒนาเชิงพื้นที่ และกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน ตลอด 3 เดือน ตั้งแต่กรกฎาคม - กันยายน 2567

หัวใจสำคัญของโครงการ คือ กลุ่ม ‘ลำลอง’ กลุ่มลูกหลานเมืองลำปางกลับบ้าน รวมตัวกันเป็นสื่อกลางเชื่อมผู้คนทุกช่วงวัยในลำปางเข้าหากันผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ พร้อมทำหน้าที่เป็นสื่อท้องถิ่น สร้างทางเลือกให้เห็นศักยภาพของเมืองลำปางที่อาจถูกมองข้ามไป อย่างการหยิบยกประเด็น ‘วัฒนธรรมพม่า’ ขึ้นมาชูโรงผ่านโครงการเปิดม่านเมืองลำปาง ก็ตั้งต้นมาจากกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ ที่มองเห็นคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิม และอยากเปิดบทสนทนาให้เห็นความเป็นไปได้ในการต่อยอดร่วมกันของคนลำปางทุกวัย


เดินเมือง

กิจกรรมนั่งรถม้าเมืองลำปาง และเดินท่องเที่ยวเมือง ชวนผู้คนทุกวัยมาสำรวจสถาปัตยกรรมวัดพม่าในเมืองลำปาง  ณ วัดศรีชุม วัดไชยมงคล (จองคา) วัดป่าฝาง วัดม่อนปู่ยักษ์ ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันตามยุคสมัย โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะและวัฒนธรรมพม่า และปราชญ์ท้องถิ่นเป็นผู้นำชม พร้อมชิมอาหารว่างฝีมือลูกหลานชาวพม่า

เทศกาลโคมม่าน

เที่ยวชมความกลมกลืนทางวัฒนธรรมผ่านนิทรรศการโคมม่านและโคมล้านนา พร้อมทำเวิร์กชอปประดิษฐ์โคมม่านด้วยตนเอง ณ สตูดิโอ GHOM LANNA ชุมชนท่ามะโอ ผ่าน ‘โคมม่านแปดเหลี่ยม’ ซึ่งเป็นโคมเอกลักษณ์ที่มีเฉพาะลำปางเท่านั้น มีรากฐานจากหลักมรรค 8 ในพระพุทธศาสนา ผู้คนจึงนิยมถวายวัดเพื่อความเป็นสิริมงคล นำมาบอกเล่าใหม่ผ่านการออกแบบโดย วีรศิษฎ์ ภู่สุวรรณ์ ศิลปินและช่างทำโคมลำปาง โดยปรับโครงสร้างและเทคนิคการทำโคมให้เรียบง่าย ร่วมสมัยขึ้น แต่ยังคงจุดเด่นการผสมผสานศิลปะพม่าและล้านนา และใช้วัสดุในท้องถิ่นเท่านั้น อาทิ กระดาษสาจากบ้านท่าล้อ

ชมแสงสีที่วัดศรีชุม 

“วัดศรีชุม” จ.ลำปาง เป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในไทย (จากทั้งหมด 31 แห่ง) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2433 โดยคหบดีพม่าชื่อ อูโย ที่ติดตามชาวอังกฤษมาทำงานป่าไม้ในไทย และสร้างวัดเพื่อทำบุญตามความเชื่อ ต่อมาวัดศรีชุมได้รับการจดทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2524 

นำเสนอคุณค่าและมุมมองการต่อยอดศิลปะ สถาปัตยกรรม ผ่านการจัดแสดงแสงไฟเชิงสถาปัตยกรรม (Architectural Lighting) ให้กับอุโบสถของวัดศรีชุม โดยเชื่อมโยงกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ของวัด พร้อมกิจกรรมอื่นๆ เช่น นิทรรศการภาพถ่ายเมืองม่านจากกิจกรรมเดินเมือง การแสดงฟ้อนง้าว ศิลปะการรำดาบล้านนาโบราณที่หาดูยาก การฟ้อนนกโตหรือฟ้อนนกกิ่งกะหร่า (กินรี) ศิลปะชั้นสูงที่สืบทอดกันมาของชาวไทใหญ่ในรัฐฉาน การแสดงดนตรีและกาดหมั้วจากชุมชนศรีชุม และโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์จิตอารีย์ ไปจนถึงอาหารและขนมพม่าแบบประยุกต์โดยร้านของลูกหลานลำปางรุ่นใหม่


เปิดม่านเมืองลำปาง โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) เชียงใหม่ เทศบาลนครลำปาง กลุ่มลำลอง ชุมชนศรีชุม และวัดศรีชุม