Pattani/A-Rom-Dee/District Projects
TH | EN

Made in Pattani #มีแค่ที่ปัตตานีเท่านั้น

ชุบชีวิตตำนานปัตตานี ทั้งกิจการดั้งเดิม บุคคลสำคัญ และสถานที่

Made in Pattani #มีแค่ที่ปัตตานีเท่านั้น
Published Date:

MADE IN PATTANI #มีแค่ที่ปัตตานีเท่านั้น

ปัตตานี พื้นที่รุ่มรวยวัฒนธรรมแห่งชายแดนใต้ที่น้อยคนจะเข้าถึง เต็มไปด้วยของดีทรงคุณค่า ที่บ่งบอกตัวตนของปัตตานีได้เป็นอย่างดี Made in Pattani จึงถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดี ที่นอกจากจะช่วยชุบชีวิตของดีที่กำลังจะหายไปแล้ว ยังช่วยสื่อสาร ‘ความเป็นปัตตานี‘ ให้คนนอก รวมถึงชาวปัตตานีรุ่นใหม่ได้สัมผัส บ่งบอกว่านี่คือ ‘ของดีที่มีแค่ที่ปัตตานี‘ เท่านั้น

ความพิเศษของ Made in Pattani คือ การขยายขอบเขตไปมากกว่ากิจการเก่าแก่ แต่รวมถึง คนและสถานที่ ที่มีคุณค่าเพียงหนึ่งเดียวในปัตตานี แต่กำลังจะสูญหายไป เพราะไม่ตอบโจทย์ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง มาร่วมมือกับนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ทั้งในและนอกพื้นที่ จำนวน 10 คู่

Made in Pattani เปิดตัวภายใต้เทศกาล Pattani Decoded 2024 โดยจัดแสดงตัวอย่างผลงานที่ Patex ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม - 1 กันยายน 2567 และดำเนินการต่อเนื่องหลังจากเทศกาลฯ รวมถึงจัดจำหน่ายออนไลน์


ครูมะ อรรถพร อารีย์หทัยรัตน์ X DEEN VLOG

“อยากรู้เรื่องเจาะลึกปัตตานี ต้องมาปัตตานี...มาหาครูมะ กูรูของแท้แห่งย่าน อา-รมย์-ดี”

อรรถพร อารีหทัยรัตน์ - ครูมะ เกิดและเติบโตบนย่าน อา-รมย์-ดี ครูเกษียณในวัยใกล้ 70 ที่ผันตัวมาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ คอยเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองปัตตานีและเรื่องราวของตึกเก่าแก่อย่างลึกซึ้งแก่ผู้คนที่มาเที่ยวในย่านนี้ ครูมะยังคงมีความสุขกับการเล่าเรื่องเมืองตานี ทุกรายละเอียดยังคงแจ่มชัดจากเจ้าบ้านตัวจริง

“อยากบอกเล่าเรื่องราวมุมบวกของปัตตานีที่มีมากมายให้คนได้รับรู้ สัมผัสความเป็นจริง เราคนที่นี่ เกิดที่นี่ ในชุมชนกือดาจีนอและอาเนาะซูงา สมัยก่อนคนส่วนใหญ่ในปัตตานีเป็นชาวไทยมุสลิม มีไทยพุทธอยู่บางส่วน เมื่อ 500 ปีมาแล้วคนจีนได้อพยพมาปัตตานี มาอยู่อำเภอสายบุรี แล้วย้ายมาอำเภอยะหริ่ง มาอยู่กรือเซะ จนมาอยู่ที่ถนนอาเนาะรู ตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้แม่น้ำ เป็นคนขยัน มีหัวด้านการค้า ส่วนมุสลิมที่เดิมอยู่ที่กรือเซะย้ายมาอยู่จะบังติกอ”

อาเนาะรู ปัตตานีภิรมย์ และฤาดี คือ ย่านอา-รมย์-ดี ที่ครูมะเชี่ยวชาญและบอกเล่าเรื่องราวได้ทุกอณูพื้นที่ พร้อมหน่วยงานที่พร้อมดูแล รักษา และพัฒนาไปด้วยกัน

“หัวเรี่ยวหัวแรงหลักก่อนนี้คือ คณะมนุษยศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี กับโครงการวิจัยปัตตานีเฮอริเทจซิตี้ วงแหวนพหุวัฒนธรรม เริ่มจากหัวตลาดไปถึงจะบังติกอ ย่านกือดาจีนอ เป็นร้านค้าคนจีน ลูกหลานยังอยู่บ้านเลขที่ 1 มีครูศรีวิลัย และน้องๆ ส่วนบ้านเลขที่ 5 ยกให้ม.อ.ปัตตานี บ้านส่วนใหญ่มีคนอยู่อาศัย บ้านยังมีชีวิต แต่ไม่ค่อยเปิดประตู”

ด้านถนนปัตตานีภิรมย์ ถนนฤาดี บ้านเก่าหลายหลังแปรเป็นคาเฟ่ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ที่ยังคงสถาปัตยกรรมเดิมไว้เกือบทั้งหมด มีงานอีเวนท์ Pattani Decode ปลุกเมืองหลายครั้ง ทำให้ย่านนี้มีชีวิตชีวา ผู้คนรู้จักรากเหง้าของคนของเมืองตานีมากขึ้น นักท่องเที่ยวพร้อมรับฟังและสัมผัสความเป็นจริง

ชมวิดิโอครูมะ x Deen Vlog

ความชำนาญและความรู้ของครูมะ เป็นความรู้เฉพาะตัวที่เลียนแบบยาก เรื่องราวล้ำค่าที่อยู่ถูกบันทึกอยู่เพียงในความทรงจำของสารานุกรมมีชีวิตประจำย่าน อย่างครูมะ จึงควรถูกรวบรวมและถ่ายทอดออกมาให้คนรุ่นใหม่ได้ต่อยอด จึงได้จับคู่ Storyteller รุ่นเก๋า กับ Storyteller รุ่นใหม่ อย่าง DEEN VLOG ยูทูปเบอร์ชือดังชาวปัตตานี เพื่อสร้างสรรค์คลิปวิดิโอ ถ่ายทอดเรื่องราวกับครูมะ พร้อมบอกเล่าเรื่องราวของย่านอา-รมย์-ดี ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจในช่วง 100 ปี ผ่านบ้านหลังสำคัญในย่านนี้

“ผมมีความสุขที่ได้เป็นสะพานบอกเล่าเรื่องราวเพื่อความเข้าใจของปัตตานีให้ผู้คนและสังคมได้รับรู้ ทำไปจนกว่าจะหมดแรง”

เพราะครูมะบอกเสมอว่าหน้าที่ของครูมะคือบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งนี้แก่ผู้คนที่มาเที่ยวในย่าน ครูมะจึงถือเป็น Made in Pattani ที่แท้จริง คาแรกเตอร์อันเป็นมิตรแต่รอบรู้ในเกร็ดรายละเอียดประวัติศาสตร์เมืองอย่างลึกซึ้งของครูมะ จึงกลายมาเป็น Key Visual ของ Made in Pattani อีกด้วย

ครูมะ - อรรถพร อารีหทัยรัตน์  
โทร. 080 328 4567
นักสร้างสรรค์: DEEN VLOG


กระเบื้อง 100 ปี x Benjametha

โรงกระเบื้องดินเผาร้อยปีแห่งบ้านราวอ ตำบลดอน อำเภอปะนาเระ จ.ปัตตานี คือโรงงานกระเบื้องดินเผาแห่งสุดท้ายของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ถือเป็นงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพื้นที่ที่ส่งต่อภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษมาถึง 4 รุ่น

“ภูมิใจมากที่เราเป็นโรงกระเบื้องดินเผาเจ้าเดียวที่ยังผลิตอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นงานที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ เราตั้งใจสานต่อภูมิปัญญาของบรรพบุรษ” ดานียาน มะแซ ทายาทรุ่นที่ 4 แห่งโรงกระเบื้องดินเผาร้อยปีแห่งบ้านราวอ บอกเล่าความภาคภูมิใจ

กว่า 200 ปีที่มีการผลิตกระเบื้องดินเผาในตำบลดอน จากกว่า 40 เตา จนเหลือที่นี่เป็นเตาเผาสุดท้าย ความพิถีพิถันในคุณภาพการผลิตที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น คือเคล็ดลับเบื้องหลังตำนานที่ยืนหนึ่งจนถึงปัจจุบัน

“เราควบคุมอากาศในการผลิต เมื่อมีพายุจะไม่มีแรงต้าน ลู่ลมเหมือนเกล็ดปลา มัสยิดอาโหและมัสยิดตะโละมาเนาะก็ใช้กระเบื้องดินเผาแม่พิมพ์โบราณนี้เช่นกัน โดยใช้ดินจากแหล่งที่ดีที่สุดคือ โปะกือเทา ที่ต้องขุดด้วยมือเท่านั้น เอกลักษณ์สีเหลืองปนเม็ดกรวดสีส้มเป็นเม็ดสีจากธรรมชาติ นวดเพียง 5 ครั้งก็สามารถขึ้นรูปได้”

ในหนึ่งปีสามารถเผาได้เพียง 2 เตาเท่านั้น เพราะด้วยระยะเวลาในการผลิตแต่ละล็อตใช้เวลานานถึง 6 เดือน นับตั้งแต่ขั้นตอนการขุดดินและนวดดินที่ต้องใช้มือเพื่อสัมผัสเนื้อดินอย่างละเอียด ดินที่ใช้ต้องเป็นดินเหนียวไม่ปนทรายในตำบลดอนเท่านั้นจึงจะนวดขึ้นรูปได้ดี

ขั้นตอนถัดมาคือ นวดดินด้วยเท้า โรยขี้เถ้าใส่แม่พิมพ์ ใส่ดินเหนียวและกดดินให้แนบติดแม่พิมพ์ ตัดดินด้วยเชือกไนล่อน แล้วมาอัดเป็นแผ่น พิงให้แห้ง 1 เดือน โดยนำไปวางซ้อนเป็นแนวเดียวกัน เว้นระยะช่องไฟระบายอากาศ เพื่อลดการแตกร้าวของแผ่นกระเบื้อง ระหว่างรอตากแห้ง ก็ขึ้นรูปตัวเกี่ยวให้มีขนาดเท่ากัน เมื่อครบ 30,000 แผ่น จึงสามารถเอาเข้าเตาเผาได้หนึ่งเตา ซึ่งใช้เวลาอีก 1 เดือน

ต้องทำตามเวลาและกระบวนการอย่างถูกต้อง และยังต้องอาศัยช่างฝีมือที่มีความชำนาญในการแขวนกระเบื้องให้สำเร็จ และมีเพียงคนเดียวในพื้นที่ ด้วยกรรมวิธีที่ต้องใช้เวลานานในการผลิต ลูกค้าจึงต้องมีความเข้าใจและสามารถรอคอยความคุ้มค่านี้ได้

เพื่อนำเสนอความพิเศษเฉพาะตัวของภูมิปัญญานี้ให้เข้าถึงกลุ่มคนที่กว้างขึ้น เบญจเมธา สตูดิโอเซรามิคโดยศิลปินปัตตานีรุ่นใหม่ ที่ใช้เซรามิกเป็นเครื่องมือพัฒนาศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น จึงได้รังสรรค์คอลเลคชั่นพิเศษร่วมกับโรงกระเบื้องโบราณแห่งนี้ เกิดเป็นแผ่นกระเบื้องเซรามิคที่ผ่านการเคลือบและเผาโทนสีแบบพิเศษ เพิ่มความงาม เพิ่มมูลค่าให้กับกระเบื้องดินเผาโบราณ และสามารถนำไปใช้งานได้สารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะสอดแทรกในงานศิลปะหรืองานออกแบบ ไปจนถึงใช้เป็นภาชนะ

กระเบื้องดินเผาร้อยปีตานี
โทร. 085 517 1767,  082 006 7081
นักสร้างสรรค์: Benjametha Ceramic


โมฮำหมัดอิดริสอัฟคาน x Subper Graphic x Rohani Pooteh

ร้านขายอัลกุรอ่านและกีตาบร้านแรกของปัตตานีเปิดมากว่า 90 ปี โดยมีบรรพบุรุษสัญชาติอังกฤษ มาจากปากีสถาน ปัจจุบัน ฮารูน เบ็ญราฮีม เป็นทายาทรุ่นที่ 4  ร้านโมฮำหมัดอิดริสอัฟคานตั้งอยู่หน้าวัดตานีนรสโมสร พระอารามหลวงกลางเมืองปัตตานี โดยเช่าที่ของวัดมาตั้งแต่ปี 2498 ตั้งแต่ค่าเช่าเพียงเดือนละ 2 บาท

กิจการคงอยู่คู่ย่านมาได้อย่างยาวนาน เป็นเพราะความผูกพัน ทั้งระหว่างครอบครัว ระหว่างตัวเจ้าของและกิจการ ระหว่างวัดตานีฯ เจ้าของพื้นที่และเจ้าของกิจการ ทำให้เกิดการสานต่อร้านแห่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน และที่สำคัญยังมาจากความเชื่อใจระหว่างเจ้าของร้านและลูกค้า ที่ส่งจากรุ่นสู่รุ่นเช่นเดียวกัน

“ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำที่มาซื้อที่ร้าน ถ้าหนังสือร้านเราหมด เขาจะให้เอาหนังสือแบบเดียวกันจากร้านอื่นมาให้ เขาเชื่อใจเรา กลายเป็นวัฒนธรรมส่งต่อรุ่น เช่น รุ่นพ่อซื้อหนังสือนี้กับเรา รุ่นลูกก็มาซื้อของเรา เป็นความผูกพันกันมา” ฮารูน เบ็ญราฮีม ทายาทรุ่นที่ 4 บอกเล่าด้วยความภาคภูมิใจ

ในปัจจุบัน เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไป กิจการร้านหนังสือเก่าแก่แห่งนี้ จึงจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ายุคใหม่เช่นเดียวกัน จึงได้ร่วมกับ Subper Graphic และอ.โรฮาณี ปูเต๊ะ จากคณะมนุษยศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี เพื่อพัฒนาหนังสือเรียนภาษามลายู อักษรยาวี ให้มีเนื้อหาและภาพประกอบที่ตอบโจทย์เด็กวัย 3-8 ปี รวมถึงมีสื่อการสอนจากหนังสือ โปสเตอร์สอนตัวอักษรภาษายาวี และ Flashcard สำหรับเด็ก พร้อมทั้งจัดโซน ตกแต่งร้านให้ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น

แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วเพียงใด ฮารูนมุ่งมั่นที่จะสืบทอดและรักษาร้านโมฮำหมัดอิดริสอัฟคานให้คงอยู่ตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน ทำให้เขาพร้อมที่จะปรับตัวอยู่เสมอ ถือเป็นหนึ่งเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ตำนานร้านหนังสือศาสนาร้านแรกของเมืองจะยังคงอยู่ต่อไปอีกหลายศตวรรษ

ร้านโมฮำหมัดอิดริสอัฟคาน
โทร. 081 128 1311
นักสร้างสรรค์: Subper Graphic


โรงน้ำปลาอับดุลรามัน x Subper Graphic

จากแรงบันดาลใจในการได้ไปดูการผลิตน้ำปลาในโรงงานแถวภาคกลาง อับดุลรามัน สุทธิศาสตร์สกุล  จึงมุ่งมั่นว่าจะต้องมีแหล่งผลิตน้ำปลาที่สะอาด และฮาลาลทุกกระบวนการ เพื่อพี่น้องมุสลิมไทย รวมถึงคนที่เป็นแพ้อาหารทะเลสามารถทานได้ โดยใช้น้ำเกลือทดแทนการใช้เกลือในการปรุงอาหาร

จนในปี 2521 จึงริเริ่มการผลิตน้ำปลาในครัวเรือนขึ้น ณ จะบังติกอ กลางเมืองปัตตานี โดยผลิตด้วยวัตถุดิบและกระบวนการฮาลาลทุกขั้นตอน และพัฒนาจนมาเป็น 3 ผลิตภัณฑ์ชูโรงที่ต่อยอดมาจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ น้ำเกลือปรุงอาหาร ตราอูฐ น้ำส้มสายชูเทียม ตรากริชคู่  และสีแดงผสมอาหาร ตรากริช

ต่อมาอัสรี สุทธิศาสตร์สกุล ทายาทรุ่นที่สองเข้ามาดูแล และพัฒนาอาคารโรงงานใหม่ในปี 2547 เพื่อรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้น และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องด้วยนวัตกรรมที่ทุ่นเวลาและทุ่นแรง จนมีลูกค้ามากมายทั้งครัวเรือนและร้านอาหาร ไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม ด้วยการได้รับการรับรองมาตรฐานอย. ฮาลาลและ GMP ควบคู่หลักคุณธรรมจริยธรรมในความเป็นมุสลิม

ทั้งนี้ เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น และเพื่อสื่อสารความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ นักออกแบบ Subper Graphic จึงได้เข้ามาร่วมพัฒนาเซ็ตสินค้า ‘รสปัตตานี’ ซึ่งรวม 3 ผลิตภัณฑ์เด่นของโรงงาน ภายใต้ Packaging ใหม่สะดวกต่อการใช้งาน พร้อม Booklet สูตรอาหารท้องถิ่นที่สามารถใช้เครื่องปรุงเหล่านี้ได้

โรงน้ำปลาอับดุลรามัน 
โทร. 064 770 1181, 087 393 9757
นักสร้างสรรค์: Subper Graphic


Bangpu Amazing x Muslimited

Bangpu Amazing คือกลุ่มผู้ให้บริการล่องเรือชมป่าชายเลนอุโมงค์โกงกางบางปู ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของปัตตานี โดยมีกลุ่มเยาวชนชะบ๊าบ มัสยิดตะอาวุน เป็นทีมงานคนรุ่นใหม่ที่ร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาบ้านเกิดของตัวเอง ผ่านแนวคิดการบริหารจัดการที่มุ่งเน้นสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน โดยแบ่งรายได้เป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก ให้แก่คนที่ขับเรือ ส่วนที่สองให้แก่เยาวชนที่ทำหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยว และส่วนสุดท้ายเข้าสู่กองกลางเพื่อนำไปพัฒนาชุมชน

ดังนั้น เพื่อหารายได้ให้เรือมากขึ้น ทางกลุ่มจึงเกิดไอเดียทำทริปล่องเรือสุดพิเศษ ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าและยามเย็นพระอาทิตย์ตก โดยมีบริการเครื่องแต่งกายชุดบานง ชุดมลายู ขนมบาดูฆาตงและอาหารพื้นถิ่น พร้อมช่างภาพส่วนตัวอุปกรณ์ครบครัน เพื่อเก็บความทรงจ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกรูปแบบ หากเป็นกลุ่มใหญ่ ก็สามารถเชื่อมโยงเรือตากชุมชนท่องเที่ยวต่างๆ ในละแวกเดียวกันได้ ถือเป็นการกระจายรายได้สู่ส่วนร่วมโดยแท้จริง

ชมหนังสั้นได้ที่นี่

Bangpu Amazing จึงได้ร่วมกับ MUSLIMITED Film Studio ค่ายหนังมลายูโดยกลุ่มคนทำหนังรุ่นใหม่ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความพิเศษของทริปนี้ ผ่านหนังสั้นเผยแพร่ออนไลน์ เพื่อขยายการรับรู้สู่นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

Bangpu Amazing Pattani
โทร. 084 012 7690, 098 084 7228
นักสร้างสรรค์: MUSLIMITED Film Studio


กางเกงเลครูโหน่ง X Made by Hotcake

ร้านกางเกงเลครูโหน่งอายุกว่า 40 ปี ตั้งอยู่บนถนนปัตตานีภิรมย์ ย่านการค้าสำคัญในอดีตของเมืองปัตตานี เดิมทีครอบครัวของคุณ ชัยพร เซียววัฒนกุล หรือครูโหน่ง เป็นโกดังรับซื้อหนังวัว หลังจากนั้นในปี 2526 ก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านขายของชำ ที่มีครบทุกอย่างที่ลูกเรือต้องการใช้ในการออกเรือ ไปจนถึงกางกางเลที่เย็บโดยคุณแม่ของครูโหน่ง ร้านได้รับความนิยมให้หมู่ลูกเรือที่มาจอดเรือที่ท่าเรือปัตตานีเบย์เป็นอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน

“ตอนนั้นยังเป็นเด็ก ย่านนี้คึกคักมาก เงินดีมาก แม่ขายของได้ 6,000 - 7,000 บาทต่อลำ บิ๊กซี เซเว่นยังไม่มี เขาต้องซื้อของจากร้านเล็กๆ ของเรา พร้อมๆ กับการเย็บกางเกงเลหรือกางเกงจีนขายของแม่ มีลูกเรือจำนวนมากที่ลงมาหาซื้อของใช้พร้อมกางเกงเลเพื่อใช้งานบนเรือ จนปี 2529 พ่อเสียชีวิต แม่ต้องดูแลลูกทั้งสามคนด้วยตัวคนเดียวมาตลอดด้วยการเปิดร้านขายของชำและตัดเย็บกางเกงเล”

จุดเด่นของกางเกงเลฝีมือคุณแม่ของครูโหน่งที่ไม่เหมือนใคร คือ ความแข็งแรง คงทนในการใช้งาน จากผ้าประกอบกันถึง 7 ชิ้น พร้อมรายละเอียดในการตัดเย็บอย่างปราณีตเพื่อการันตีความแข็งแรง อย่างการเย็บตะเข็บชนกันเป็นคู่ แล้วพับเย็บอีกครั้งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง อีกทั้งยังสามารถ custom ตัดตามแบบ ตามความสั้นความยาว ตามผ้าที่ลูกค้าต้องการได้อีกด้วย ผ้าที่นิยมคือ ผ้าประตูทอง ซึ่งเป็นผ้าคุณภาพเยี่ยม ใส่ได้เป็นสิบปี ยิ่งซักยิ่งนิ่ม ทำให้มีลูกค้าประจำที่เชื่อมั่นในคุณภาพทั้งจากประจวบคีรีขันธ์ และมาเลเซีย ที่มีออเดอร์ครั้งละหลายร้อยตัวเลยทีเดียว

เพื่อต่อยอดกางกางเลของแม่ที่ครูโหน่งภาคภูมิใจ ครูโหน่งตั้งใจจะสืบทอดเจตนารมณ์ของแม่ด้วยการคงคุณภาพไว้เช่นเดิม โดยมี Made by Hotcake แบรนด์แฟชั่นโดยสไตล์ลิสต์สาวผู้หลงใหลในงานผ้าท้องถิ่น และการทำงานกับชุมชนทั่วประเทศ มาร่วมต่อยอดในการพัฒนาแพทเทิร์นของกางเกงเลให้น่าสนใจ ผสมผสานภูมิปัญญาของชุมชน เข้ากับความร่วมสมัย เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่น โดยใช้ผ้าของกางเกงเลครูโหน่ง และผ้าท้องถิ่น ทั้งผ้าของชุดมลายูมือสอง ผ้าบาติก และผ้าจวนตานี

กางเกงเลครูโหน่ง
โทร. 061 665 5439
นักสร้างสรรค์: Made by Hotcake


เกลือหวาน x Curly Cold

Curly Cold ไอศรีมสัญชาติปัตตานี ที่ทำเพราะรัก อยากให้ทุกคนได้กินของอร่อยในราคาจับต้องได้จริง และเข้าถึงได้ง่าย

7-8 ปีก่อน นูรฮายาตี อาแว ผู้ชื่นชอบทานไอศรีม ลงมือทำไอศรีมโฮมเมดวางขายในร้านอะยัม บัง ของพี่ชาย ณ จะบังติกอ เมืองปัตตานี และขายส่งให้ร้านอาหาร ด้วยความตั้งใจให้คนในพื้นที่ได้ทานไอศรีมรสชาติดี ทานได้บ่อยในราคาจับต้องได้จริง นูรฮายาตีจึงเริ่มต้นที่ 39 บาทต่อสกู๊ป

“จบด้านวิทยาศาสตร์อาหาร นำความรู้มาพัฒนา ต่อยอดด้วยการเรียนรู้ในคอร์สการทำไอศรีม ทำขายเรื่อยมา ออกร้านตามเทศกาลและงานต่างๆ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะเราใช้ส่วนผสมหลักคือ นม และส่วนผสมที่เป็นของดี ถูกหลักฮาลาล ทำให้มีงานออกร้านมาตลอด”

หลังจากนั้นในปี 2566 Curly Cold by nooti Icecream homemade ร้านไอศกรีมโฮมเมดเล็กๆ หน้าบ้าน ณ บ้านประจัน ยะรัง จึงได้เริ่มต้นขึ้น และต่อมาจึงขยายฐานลูกค้าเข้ามายังย่านวงเวียน ม.อ.ปัตตานี ณ ร้านบีรู ชอป ใกล้ไปรษณีย์รูสะมิแล เพื่อเปิดพื้นที่ให้ไอศรีมเป็นสื่อกลางในการพูดคุยของผู้คน และยังวางขายในตึกเรือ สำนักงานวิทยาเขตปัตตานี ม.อ.ปัตตานี ร้านอาหารและคาเฟ่ในปัตตานีและยะลาอีกด้วย

นอกจากรสชาติคลาสสิคอย่าง Banoffee, สตรอเบอรี่ชีสเค้ก แล้วไอศกรีมโฮมเมดสไตล์ Curly Cold ยังเน้นนำวัตถุดิบท้องถิ่นปัตตานีมาผสมผสานให้เกิดรสชาติใหม่อีกด้วย อาทิ ลูกหยีราดซอสน้ำปลาหวาน ของดีเมืองยะรัง กระตุ้นด้วยความสดชื่นของลูกหยีที่มีรสเปรี้ยวนำ สดชื่น แล้วลับคมความเปรี้ยวด้วยซอสน้ำปลาหวานรสชาติหวานเค็ม กำลังดี บวกกับกุ้งตัวอิ่มๆ

และรสชาติพิเศษสำหรับ Made in Pattani ไอศกรีมเกลือหวาน เนื้อสัมผัสนุ่ม โทนสีนาเกลือ ขาวๆ เทาๆ เปื้อนหินทราย พร้อมท้อปปิ้งคุ้กกี้เคี้ยวกรุบๆ ดูคล้ายเกลือ เป็นส่วนผสมความหวานเย็นตัดความเค็มที่ลงตัว

เกลือหวานปัตตานี
นักสร้างสรรค์: Curly Cold 
โทร: 091 046 4182


ปัตตานีขนส่ง x สามล้อไฟฟ้า ม.อ.ปัตตานี x Subper Graphic

ปัตตานีขนส่ง บริษัทเดินรถรายแรกในไทยที่มีเจ้าของเป็นมุสลิม เพื่อหมุนเวียนรายได้เข้าสู่ปัตตานี อย่างแท้จริง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2508 โดย เด่น อามีน พัชราภรณ์ โต๊ะมีนา และชาวปัตตานีอีกหลายคน เดิมทีให้บริการเฉพาะรถเมล์เพียงอย่างเดียว เส้นทางปัตตานี-สะบ้าย้อย นราธิวาส สุไหงโก-ลก ภายหลังด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป จึงปรับเปลี่ยนมาเป็นรถตู้ และรถสองแถว โดยมี จตุรนต์ เอี่ยมโสภา เป็นกรรมการผู้จัดการ ดูแลอยู่ในปัจจุบัน

“จุดเปลี่ยนใหญ่คือช่วงโควิด 2 ปี ขนส่งสาธารณะจบชีวิต ตอนนี้ไม่หวังกำไร เรายังอยู่และหล่อเลี้ยงคนทำงานมาเกือบ 60 ปี คนรถหนึ่งคนเลี้ยงครอบครัวอีก 5 คน ตอนนี้เป็นรถร่วมทั้งหมด มีรถตู้เป็นร้อยคัน ดูแลในวงจรขนส่งนี้อีกหลายพันคนในชายแดนใต้ พร้อมฟื้นเส้นทางปัตตานี-สุไหงโก-ลก ใหม่ที่รถสามารถออกทุกชั่วโมงเพื่อรองรับผู้โดยสารที่ข้ามแดนไทย-มาเลเซียจำนวนมาก”

เมื่อTCDC ปัตตานีกำลังจะเกิดขึ้น การมีขนส่งมวลชนที่เอื้อต่อนักท่องเที่ยวคือสิ่งสำคัญ จึงได้เกิดไอเดียชุบชีวิต สามล้อถีบพ่วงข้าง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของปัตตานีที่กำลังจะหายไป ให้กลายเป็นสามล้อไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ มีมอเตอร์ทุ่นแรง โดยไม่ต้องปั่น โดยมีม.อ.ปัตตานีเป็นผู้ร่วมพัฒนาต้นแบบเพื่อทดลองใช้ที่มัสยิดกลางปัตตานี และศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เพื่อนำนักท่องเที่ยวชมเมืองพร้อมฟังประวัติศาสตร์เมือง ทั้งยังมี Subper Graphic มาร่วมออกแบบแผนที่ ป้ายจุดรับส่ง พร้อมยูนิฟอร์มคนปั่นให้อีกด้วย

ปัตตานีขนส่ง
โทร. 087 566 7087
นักสร้างสรรค์: Subper Graphic


เปียนา X Sweet Pista

ขนมเปียนา ขนมหวานมลายูที่ชาวมุสลิมมักทำกันมากในช่วงเดือนรอมฎอน

แต่เปียนาของร้านบ้านบุหงาตานี มีขายทุกวัน จุดเด่นคือรูปดอกไม้หกกลีบ สูตรชาววังโบราณ หอม หวาน มัน ด้วยกะทิและไข่ ชิ้นใหญ่ เนื้อสัมผัสละมุนลิ้น และมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ครองใจแฟนพันธุ์แท้มานาน

เคล็ดลับอยู่ที่การคุมไฟกลางทำให้ขนมสุกพอดี และจะต้องทำขนมตอนกลางคืนที่มีอากาศเย็นสบาย เปียนาถึงขึ้นได้ดี ใส่ลงในพิมพ์ทองเหลืองรุ่นเก่า ที่คุมไฟง่าย ช่วยให้สุกเร็ว อีกทั้งยังสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานเป็นสัปดาห์ โดยรูป รส กลิ่น สี ยังคงคุณภาพเดิม โดยไม่ต้องใส่สารกันบูด

สมโภช และ สุไฮนี เจ๊ะอาลี สองพี่น้อง ทายาทรุ่นที่ 3 กลับมาบ้านเกิดปัตตานีเพื่อสานต่อกิจการเปียนาสูตรดั้งเดิมจากบรรพบุรุษ โดยตั้งใจพัฒนาให้เปียนาทานง่ายขึ้น เพื่อส่งไปไปยังคาเฟ่ต่างๆ ให้คนรุ่นใหม่ ได้สัมผัสขนมโบราณมากขึ้น และให้กลายเป็นของฝากที่ใครๆ ต้องคิดถึงเมื่อมาเยือนปัตตานี จึงได้พัฒนาสูตร และแพกเกจจิ้งใหม่ ร่วมกับ Sweet Pista ร้านอาหารและขนมชื่อดังจากกรุงเทพฯ จนได้ออกมาเป็นขนมเปียนาเวอร์ชั่นใหม่ ทอปปิ้งด้วยแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาล พ่นไฟให้น้ำตาลไหม้จนกลายเป็นคาราเมลกรอบๆ กลิ่นหอมเย้ายวนกว่าเดิม ทั้งสะดุดตาและน่าลิ้มลอง ถูกใจสายคาเฟ่ฮอปปิ้งอย่างแน่นอน

บ้านขนมบุหงาตานี
โทร. 083 168 5465
นักสร้างสรรค์: Sweet Pista Bangkok


หย่งชาง x TRK

หย่งชาง กิจการรับซ่อมพระจีน บนถนนปัตตานีภิรมย์ ก่อนถึงสะพานบั่นเฉ้ง ภายในร้านเต็มไปด้วยรูปสลักเทพเจ้าจีน ซึ่งคนไทยภาคใต้มักเรียกตามภาษาจีนฮกเกี้ยนว่า “กิ้มซิ้น” เป็นจำนวนมาก

กิ้มซิ้นจากทั่วทุกสารทิศต่างหลั่งไหลมายังร้านหย่งชาง เพราะมั่นใจในฝีมือของ โก้ – ชูโชติ เลิศลาภลักขณา ผู้มีความพิถีพิถันในการบูรณะกิ้มซิ้นแต่ละองค์ให้กลับมามีสภาพสวยงาม ควรค่าแก่การนำกลับไปบูชาเช่นเดิม

โก้เกิดและโตในครอบครัวคนจีนในปัตตานี เรียนด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่วิทยาลัยเทคนิคยะลา และไปต่อไทยวิจิตรศิลป์ เคยทำงานประกอบเรือประมง จนมาเป็นอาสารักษาดินแดนในเมือง หลังจากนั้นก็เปิดร้านนำเข้าเทพเจ้าจีนมาจำหน่าย ต่อยอดสู่ร้านหย่งชางรับซ่อมกิ้มซิ้นในทุกวันนี้

“เคยนำเข้าพระมาสำหรับบูชา เกิดการแตกหักระหว่างขนส่ง พอลองซ่อมเองก็ทำได้เหมือนของเดิม”

เมื่อเริ่มรับงานซ่อม ก็มีคนส่งพระจีนอายุเก่าแก่กว่าสามร้อยปีจากศาลเจ้าจ.พังงา มาให้บูรณะ ทำให้คนรู้จักโก้มากขึ้นหลังจากนั้น โดยติดต่อผ่านโซเชียลมีเดีย หลังจากนั้นก็กลายเป็นช่างซ่อมพระจีนอย่างเต็มตัว มีทั้งพระที่มาจากศาลเจ้าและตามบ้านเรือนทั่วไป

ด้วยประสบการณ์การซ่อมพระจากหลากหลายที่มาทั่วประเทศ ทำให้เขาคร่ำหวอดอยู่กับเทวรูปหลายประเภท และได้เรียนรู้เรื่องสกุลช่างผู้สร้าง ตลอดจนขั้นตอนและกระบวนการซ่อมให้ถูกประเภทกิ้มซิ้น ซึ่งจำเป็นต้องซ่อมให้เหมือนศิลปะดั้งเดิมที่สุด เพราะนักสะสมส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการรักษาศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละตระกูลช่าง

“พระจากศาลเจ้านั้นเป็นศิลปะยุคชิง เป็นลายเส้นเล็กๆ เท่าเส้นผม ผมซ่อมโดยเน้นศิลปะดั้งเดิม เพราะศิลปะของพระสามารถบอกยุคและฝีมือได้ว่าเกิดจากช่างตระกูลไหน ความยากคือสีที่ใช้ต้องเหมือนของเดิม เป็นงานละเอียดมาก บางองค์ยากที่ลายและความลึก”

ด้วยความรู้ทางสถาปัตย์และศิลปะ พร้อมทั้งทักษะประกอบเรือประมง ทำให้โก้เข้าใจธรรมชาติของไม้เป็นอย่างดี

“การทำงานนี้ต้องมีความใส่ใจ รู้ทักษะการเข้าไม้ การประยุกต์ใช้วัสดุ เทคนิคการเลือกใช้สีและการปิดทอง ผมใช้สีอะคริลิก สีน้ำมัน และสีนาโนอะคริลิกในองค์เดียว ถ้าพื้นที่กว้างอย่างเช่นฐาน จะใช้สีน้ำมัน เพราะรักษาเนื้อไม้ได้ดีที่สุด ถ้าตามลวดลาย จะใช้สีนาโนอะคริลิกที่มีความเข้มข้นของสีเยอะ จากนั้นใช้สีอะคริลิกธรรมดามาทาซ้ำปิดท้าย”

นอกจากการซ่อมแล้ว จากที่โก้ศึกษาองค์พระอายุกว่า 100 ปีในชายแดนใต้ จึงพบว่ามักมีการผสมผสานลายมลายูเข้าไป เขาจึงได้ริเริ่มออกแบบลวดลายฉลองพระองค์ให้เทพเจ้าจีนทุกองค์ตั้งแต่ชั้นสูงสุดลงมา จนได้ต่อยอดร่วมกับธีระยุทธ พืชเพ็ญ (TRK) ศิลปินสตรีทอาร์ทชื่อดังแห่งวงการกราฟฟิตี้ ออกมาเป็นผลงานการออกแบบลวดลายเอกลักษณ์ของหย่งชาง เพื่อนำไปใช้ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยออกแบบเป็นศิลปะไทยจีน แนวทิเบต แล้วใส่ลายมลายู ลายกอและ ลายปาเต๊ะและบาติก เข้าไปผสมผสาน แล้วพัฒนาเป็นภาพฮู้ยันต์จีนที่ดูทันสมัย ที่สามารถต่อยอดนำไปพิมพ์ลงบนเสื้อ และแก้วน้ำได้ บ่งบอกตัวตนของหย่งชางได้เป็นอย่างดีและยังเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้นอีกด้วย

หย่งชางซ่อมพระ
โทร. 084 426 2400
นักสร้างสรรค์: เติ้ล - ธีระยุทธ พืชเพ็ญ (TRK)


Made in Pattani โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ร่วมกับ Malayu Living กิจการเก่าแก่ บุคคลสำคัญของเมือง และนักสร้างสรรค์ในและนอกพื้นที่