Bangkok/Charoenkrung/District Projects
TH | EN

Made in Hualamphong: เมด อิน หัวลำโพง

เปลี่ยนภาพจำว่าย่านหัวลำโพงเป็นมากกว่าสถานีรถไฟ

Made in Hualamphong: เมด อิน หัวลำโพง
Published Date:

MADE IN HUA LAMPHONG

หากเอ่ยชื่อ ‘ย่านหัวลำโพง’ สิ่งแรกที่ทุกคนจะนึกถึงก็คือ สถานีรถไฟหัวลำโพง ในฐานะศูนย์กลางการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ หลายคนที่ผ่านมาแถวนี้บ่อยครั้ง ก็อาจไม่เคยลองเดินเข้าไปสำรวจชุมชนเก่ารอบๆ ว่ายังมีกิจการเก่าแก่ที่สืบทอดมาหลายรุ่น ทักษะช่างฝีมือที่หาที่ไหนไม่ได้ ไปจนถึงร้านอาหารรสเยี่ยมกับสูตรลับดั้งเดิม ซุกซ่อนตัวอยู่คู่ชุมชนมานานหลายชั่วอายุคน

อีกทั้งในปัจจุบัน สถานีรถไฟหลักของกรุงเทพฯ ย้ายไปอยู่ที่บางซื่อ ทำให้ย่านเริ่มเงียบเหงาลง พร้อมกับรายได้ของชุมชนที่ลดลงตามไปด้วย จึงทำให้กลุ่มเยาวชนริทัศน์บางกอก (RTUS BANGKOK - Rethink Urban Spaces Bangkok) ผู้มองเห็นเสน่ห์และศักยภาพของย่านหัวลำโพงในแง่สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้ จึงอยากบอกเล่าเรื่องราว เพื่อชักชวนให้ผู้คนได้เข้ามาสำรวจและทำความรู้จักกับย่านนี้มากกว่าที่เคย เพื่อที่ย่านนี้จะได้ไม่ถูกลืม จึงได้เริ่มเข้ามาทดลองจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับชุมชนในย่าน ต่อเนื่องมาจนเป็นโฮสต์ประจำย่านหัวลำโพงในช่วง Bangkok Design Week 2024 ซึ่งมี Made in Hua Lamphong เป็นหนึ่งในโครงการไฮไลท์ของย่าน

Made in Hua Lamphong มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนภาพจำของย่านหัวลำโพงว่าเป็นมากกว่าสถานีรถไฟ ผ่านการนำเสนอเสน่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่ในมุมมองใหม่ และเพื่อทำให้กิจการเก่าแก่ในย่านสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป และเข้าถึงใจผู้บริโภคยุคใหม่ได้ และที่สำคัญที่สุดคือคือการทำให้คนในรับรู้ว่าชุมชนของตัวเองมีของดีซ่อนอยู่อีกมาก

โดยในปีนี้ ได้คัดสรรกิจการดั้งเดิมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในแง่รูปแบบกิจการและประวัติศาสตร์เคียงคู่กับพื้นที่ย่าน ทั้งหมด 6 กิจการ มาร่วมกับศิลปินนักออกแบบรุ่นใหม่ 5 สตูดิโอ

ผลลัพธ์ของโครงการ  ระหว่างช่วง Bangkok Design Week 2024 (27 ม.ค. - 4 ก.พ. 2567)

  • 100% ได้ลูกค้าใหม่ และมียอดขายเพิ่มขึ้น เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น
  • 80%   ยังขายผลิตภัณฑ์ในโครงการต่อ (หลังจากจบเทศกาลฯ) 
  • 50%ได้โอกาสต่อยอดด้านช่องทางการขายและต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง
  • ‘ร่มพร้อมโต๊ะพับ’ ของร้านศิลป์เมือง x ease studio ได้รับการนำไปต่อยอดเป็นแนวทางพัฒนาปรับปรุงผู้ค้าริมทาง โดยกทม.
  • ปฏิทิน Only Good Days ของโหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง x Ek Thongprasert ได้รับความนิยมจนผลิตเพิ่มไปหลายครั้ง และได้ขยายช่องทางการขายไปยังห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

ศิลป์เมือง x ease studio

ร้านทำร่มแม่ค้าและร่มสนามที่มีฐานลูกค้าเหนียวแน่นอยู่คู่กับถนนเจริญเมืองย่านหัวลำโพงมากว่า 60 ปี ผสมผสานการออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานของร่มแม่ค้ามากยิ่งขึ้น

ร้านศิลป์เมืองผลิตและขายร่มแม่ค้าและร่มสนาม รวมทั้งรับซ่อมและขายวัสดุที่เกี่ยวกับร่ม ส่งต่อกิจการมาจนถึงรุ่นที่ 3 โดยคงจุดเด่นด้านความละเอียดรอบคอบในการผลิต และความใส่ใจในการเลือกวัสดุให้เหมาะกับการใช้งาน

กระบวนการผลิตร่มของศิลป์เมืองให้ความสำคัญกับขั้นตอนและรายละเอียดโดยการทำมือทั้งหมด ทั้งการเลือกวัสดุของด้ามร่ม ขนาดของก้านร่มที่ใช้ขนาดเดิมตั้งแต่ยุคแรกเพื่อความแข็งแรงและทนทาน รวมทั้งชนิดผ้าที่มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ซื้อลวดมาตัดเป็นด้าม จนถึงเลือกก้านร่มที่ไม่เล็กเกินไป ทุกขั้นตอนเหล่านี้ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นและถูกพัฒนาไปตามยุคตามสมัยเช่นกัน

ปัจจุบันร้านศิลป์เมืองผลิตร่มให้กับงานอีเว้นท์และบริษัททั่วไปที่ต้องการร่มเพื่อการโฆษณา ทำให้เริ่มมีโจทย์ต่างๆ เข้ามา ทั้งร่มที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ร่มสองชั้นแบบจีนและวัสดุผ้าในท้องตลาดที่เปลี่ยนไป แต่ด้วยความเข้าใจกลุ่มลูกค้าและการใช้งานอย่างดี ศิลป์เมืองจึงช่วยลูกค้าเลือกผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุด

เช่นเดียวกับ Ease Studio กลุ่มดีไซน์เนอร์ที่ตั้งใจให้งานออกแบบทุกชิ้นเกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาหรือลดภาระผู้ใช้งาน ทางกลุ่มดีไซเนอร์สนใจ ‘ร่มแม่ค้า’ เป็นพิเศษ เพราะฟังก์ชั่นของร่มที่พกคู่ไปกับรถเข็น สามารถช่วยกันแดดกันฝนให้กับแม่ค้าร้านริมทาง รวมไปถึงใช้กันแดดให้ลูกค้านั่งทานอาหารได้ด้วย ดังนั้นการออกแบบร่มที่ดีขึ้น ก็ควรต้องทำให้แม่ค้าสะดวกสบายขึ้นอีก

หลังจากสังเกตพฤติกรรมของทั้งแม่ค้าและลูกค้า ดีไซน์เนอร์ก็ได้ตีความร่มแม่ค้าใหม่ ให้ใช้ประโยชน์ได้เป็นทั้ง ที่นั่ง หรือเป็นโต๊ะบาร์ยาว โดยนำร่มสองคันมาเชื่อมด้วยโต๊ะก็ได้ โดยชิ้นส่วนทั้งหมดสามารถประกอบได้ง่าย ถอดเข้าออกได้สะดวก ไม่เกะกะและประหยัดพื้นที่

เพราะความตั้งใจของ Ease studio คืออำนวยความสะดวก ได้ใช้งานร่มคันเดิมอย่างครบคันมากขึ้น ใต้รัศมีฐานร่มจึงมีขนาดเท่าเดิม พื้นที่ของฐานร่มได้กลายเป็นขาโต๊ะหรือเก้าอี้ พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น เมื่อมีเก้าอี้และโต๊ะในตัว อาจช่วยให้เหล่าแม่ค้าขนของน้อยลง อีกทั้งตั้งใจให้การร่วมงานกับศิลป์เมืองครั้งนี้เป็นการออกแบบเพื่อประโยชน์ด้านการใช้งานมากกว่าแค่ความสวยงาม เช่นเดียวกับศิลป์เมืองที่พยายามผลิตสินค้าที่ดีที่สุดในราคาเข้าถึงได้ให้ลูกค้าเสมอ

ศิลป์เมือง

18 ถ.เจริญเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
โทร. 02-215-5152
เปิดบริการทุกวัน เวลา 9:00-17:00 น.
ออกแบบโดย: ease studio


บ้านอิตาลี x COTH Studio

ร้านขายและผลิตอุปกรณ์ประตู ที่มีสินค้าให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ บานพับ กลอน ล้อ ลวดลายตกแต่ง และอุปกรณ์ที่สำหรับทำประตูทั้งหมด บ้านอิตาลีเป็นร้านที่ตั้งใจหาสินค้าให้ครอบคลุมทุกแบบให้กับความต้องการของลูกค้า หรือสินค้าที่หาซื้อได้ยากตามท้องตลาดทั่วไป ในอดีตบ้านอิตาลีเป็นตัวแทนนำเข้าของตกแต่งประตูแนวยุโรป ทำให้มีสินค้าสำหรับประตูที่หลากหลาย ประณีตและสวยงาม

บ้านอิตาลีมีจุดเริ่มต้นจากอากงของคุณนคร ตุลาภิบาลชัย มีอาชีพเป็นช่างรับซ่อมประตู ในสมัยนั้นช่างมักประดิษฐ์อุปกรณ์ประตูใช้เอง แต่ภายหลังจึงเริ่มมีโรงงานรับผลิตอุปกรณ์เหล่านั้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ช่างทั้งหลาย บ้านอิตาลีเริ่มต้นและดำเนินธุรกิจมาถึงรุ่นที่สาม และได้เปิดกิจการมามากกว่า 30 ปีบนถนนเจริญเมืองที่เต็มไปด้วยโรงกลึงและกิจการเกี่ยวกับเหล็กมากมาย

เพื่อทำให้ร้านโดดเด่นท่ามกลางร้านเหล็กเรียงรายบนถนนเส้นเดียวกัน กลุ่มนักออกแบบจาก COTH Studio จึงหยิบยกจุดเด่นของบ้านอิตาลีมาสื่อสารผ่านงานออกแบบ ให้เป็นผลงานศิลปะสำหรับติดตั้งรอบๆ ร้าน โดยใช้ส่วนประกอบจากสินค้าภายในร้าน สื่อสารผ่านสัญลักษณ์ ‘รอยยิ้ม’ ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของเจ้าของร้าน ที่สะท้อนความเอาใจใส่และบริการที่เป็นมิตร เมื่อผู้คนเดินผ่านไปมา ก็จะเห็นรอยยิ้มที่เชื้อเชิญผ่านผลงานศิลปะเหล่านี้ ลดความแข็งกระด้างของความเป็นร้านเหล็กลงไปได้เป็นอย่างดี เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้าถึงได้มากขึ้น

COTH Studio ชื่นชอบการดึงเรื่องราวชุมชนหรือท้องถิ่น มาเป็นวัตถุดิบในการออกแบบและมีความถนัดในงานโลหะเป็นทุนเดิม กลุ่มนักออกแบบจึงมองว่า การร่วมงานกับบ้านอิตาลีครั้งนี้อาจไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ตั้งแต่ก้าวแรก แต่จะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ดี อาจจะทำให้เห็นโอกาสใหม่ๆ ของธุรกิจได้เช่นกัน เพราะความสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ช่วยเติมสีสันและทำให้คนหันกลับมามองการซื้อ-ขายกับร้านค้าท้องถิ่นมากขึ้น 

บ้านอิตาลี
12 ถ.เจริญเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
โทร. 02 215 5173
เปิดบริการ: จันทร์-เสาร์ 8:00-17:00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
ออกแบบโดย: COTH studio www.cothstudio.com/smileyday


น่ำเอี๊ยง x Ek Thongprasert

สำนักโหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิทินจีนในบ้านลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีน ที่ตั้งใจปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยเพื่อส่งต่อองค์ความรู้ด้านโหราศาสตร์จีน เพื่อเป็นที่พึ่งในทุกช่วงสำคัญของชีวิต

สำนักโหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2499 โดยซินแสเฮียง แซ่โง้ว และย้ายจากหาดใหญ่มาลงหลักปักฐานในกรุงเทพฯ บริเวณซอยพระยาสิงหเสนี (ตรอกสลักหิน) และอยู่คู่กับคนไทยเชื้อสายจีนมากว่า 80 ปี มีผลิตภัณฑ์และบริการที่คนไทยทั่วไปต้องเคยเห็นผ่านตา ทั้งปฏิทินแขวนผนังแบบรายเดือน แบบรายวัน อีกทั้งบริการดูดวงกับซินแสหรือปรึกษาฤกษ์ต่างๆ ในวันสำคัญของชีวิต เช่น ฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์เปิดตัวธุรกิจ ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น จนในปัจจุบันต่อยอดไปเป็นแอพพลิเคชั่นดูดวงบนมือถือ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและเข้าใจโหราศาสตร์ได้ด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น

ยุคแรกโหราศาสตร์จีนเป็นที่พึ่งให้คนจีนที่ย้ายถิ่นฐานมาประเทศไทย แต่ยังคงสืบต่อวัฒนธรรมของตนในเทศกาลไหว้พระจันทร์ สารทจีน ตรุษจีนและอื่น ๆ ปฏิทินจีนช่วยแจ้งวันเหล่านั้น จนในปัจจุบันเมื่อปฏิทินในมือถือก็สามารถบอกได้ แต่ที่หาไม่ได้คือลายเซ็นของน่ำเอี๊ยง นั่นคือ วันธงไชย ที่ถูกคำนวณมาโดยละเอียดและพิถีพิถัน ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณเอก ทองประเสริฐ นักออกแบบใน Made in Hualamphong ครั้งนี้ ได้เล็งเห็นถึงความร่วมสมัยของโหราศาสตร์จีน ที่ไม่ใช่เฉพาะรุ่นพ่อ-แม่ที่จะพึ่งพาโหราศาสตร์จีนเท่านั้น แต่เมื่อถึงวัยหนึ่งไม่ว่าจะเป็นแต่งงาน คลอดลูกหรือเปิดกิจการ วันธงไชยได้ให้ความอุ่นใจให้กับวันพิเศษในชีวิต เป็นสิ่งที่คงอยู่เสมอแม้เวลาจะผ่านไปยุคไหนก็ตาม

คุณเอก ทองประเสริฐ และคุณธนวัฒน์ คล่องวิชา สองนักออกแบบจับมือกัน เกิดเป็นโปรเจค “Only Good Days” ปฏิทินมัดรวมวันดีๆ ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เพื่อให้โหราศาสตร์จีนเข้าถึงง่ายทั้งในแง่การใช้งานและภาพลักษณ์ โดยตั้งใจให้การออกแบบมีสีสันที่สดใสและจัดจ้านขึ้น โดยปฏิทินจะออกแบบมาเป็นสองรูปแบบ ทั้งแบบแขวนผนังอย่างที่น่ำเอี๊ยงผลิตปกติ ซึ่งตั้งใจให้กราฟฟิคทำหน้าที่เป็นเหมือนภาพศิลปะแขวนผนังไปในตัว อีกรูปแบบคือปฏิทินเล่มเล็กที่สามารถพกพาได้ง่าย ใช้สะดวก เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน วางแผนสำหรับทำอะไรก็หยิบออกมาดูได้สะดวก ด้วยวันที่การันตีมาแล้วว่า มงคลแท้จริงจากน่ำเอี๊ยง

น่ำเอี๊ยง

479/20 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
โทร. 02 214 3648
เปิดบริการ: จันทร์-เสาร์ 8:00-17:00 น. (ปิดวันพุธและอาทิตย์)
ออกแบบโดย: Ek Thongprasert


โรงงานกระดาษชัยกิจ x Likaybindery

โรงงานกระดาษชัยกิจ (หรือชื่อเดิมคือ ใช่กี่) โรงงานตัวแทนจำหน่ายกระดาษเพียงแห่งเดียวในย่านหัวลำโพง ตั้งอยู่บนถนนเจริญเมือง ข้างสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) มามากกว่า 80 ปี ถึงแม้โรงงานกระดาษชัยกิจจะปิดกิจการลงมาตั้งแต่ปี 2540 เรื่องราวของกระดาษสีน้ำเงินจากโรงงานกระดาษแห่งนี้ ก็ยังคงถูกกล่าวขานในความทรงจำของผู้คนในย่านมาจวบจนปัจจุบัน

ใช่กี่’ ที่มาจากชื่อของอากง  มีความหมายว่า ‘โชคดี’ และเปลี่ยนชื่อเป็น ชัยกิจ ชื่อภาษาไทย ในรุ่นที่ 2 เพื่อให้ยังคงพ้องเสียงจากชื่อเดิม และเรียกขานโรงงานแห่งนี้ได้ง่ายขึ้น โดยสินค้าขายดีที่เป็นภาพจำของโรงงาน คือ กระดาษสีน้ำเงิน ที่ไม่ว่าจะสำลีแบรนด์ไหนๆ ก็ต้องมาสั่งซื้อกระดาษกับโรงงานแห่งนี้ เพื่อนำไปม้วนห่อสำลี เพราะกระดาษสีน้ำเงินจะช่วยขับสีของสำลีให้ขาวสะอาดน่าใช้มากขึ้น  อีกทั้งยังมีหลายโรงงานนำกระดาษสีน้ำเงินไปห่อสินค้าประเภทอื่นๆ อีกมากมาย  ไม่ว่าจะ ไม้ขีดไฟ ตราพญานาค  เทียน และเสื้อผ้า

นอกจากนี้ทางโรงงานยังมีกระดาษอีก 3 ประเภท เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย  ได้แก่ กระดาษสีน้ำตาล กระดาษรีมขาว และกระดาษรียูส (กระดาษหน้าเดียว) จากกระดาษข้อสอบ ที่ทางโรงงานรับหน้าที่ตัดกระดาษเป็นไซส์เล็กใหญ่ขนาดต่างๆ  เพื่อขายต่อให้คนทำอาชีพพับถุงมาซื้อไปพับเป็นถุงกระดาษขายตามร้านค้า

โรงงานกระดาษชัยกิจปิดตัวลงในรุ่นที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2540 ในช่วงที่ถุงพลาสติกได้รับความนิยม แต่ปัจจุบันทายาทรุ่นที่ 3 ได้เข้ามาสานต่อเรื่องราวของธุรกิจครอบครัว ผ่านการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ในพื้นที่เดิม ด้วยการเปิดร้าน Play Space Cafe คอมมูนิตี้สเปซของผู้ชื่นชอบกาแฟและงานศิลป์ โดยทางร้านได้เห็นถึงคุณค่าของกระดาษสีน้ำเงิน จึงอยากอนุรักษ์และส่งต่อเรื่องราวของกระดาษสีน้ำเงิน ผ่านการนำกระดาษมาห่อแก้วเครื่องดื่มของทางร้าน เพื่อส่งต่อเรื่องราวให้ผู้ที่มาเยือน

ทาง Likaybindery ผู้ช่ำชองด้านงานกระดาษ จึงได้ศึกษาหาความเป็นไปได้ของกระดาษสีน้ำเงินนี้ แล้วพบว่ามีเสน่ห์ที่สีน้ำเงินเหมือนผ้าคราม แต่สัมผัสบอบบาง ฝั่งหนึ่งมีพื้นผิวด้าน แต่อีกฝั่งมันวาว จึงต้องการสื่อสารความพิเศษของวัสดุนี้ โดยคงสภาพความสวยงามของเนื้อแท้ของวัสดุกระดาษสีน้ำเงินไว้ให้มากที่สุด และผ่านกระบวนการแปรสภาพเนื้อกระดาษให้น้อยที่สุด

จึงได้นำกระดาษมาฉลุเป็นลวดลายต่างๆ ที่มีองค์ประกอบและสัญลักษณ์สะท้อนเรื่องราวภายในพื้นที่หัวลำโพง แล้วนำไปใช้ประดับตกแต่งเป็นธงราว ตกแต่งโคมไฟใน Play Space Cafe เกิดแสงเงาสวยงามยามต้องแสงไฟ เพื่อเป็นตัวแทนของการเฉลิมฉลองการเปิดบ้านของย่านหัวลำโพงใน Made In Hua Lamphong รวมถึงวางขายในร้านให้ซื้อกลับไปตกแต่งบ้านได้

รวมถึงมีการต่อยอดเป็นกิจกรรมเวิร์กช็อปการทำตัวแสตมป์สร้างลวดลายบนกระดาษสีน้ำเงิน เพื่อให้คนสามารถมาสร้างสรรค์ลวดลาย และเรื่องเล่าของตัวเองบนกระดาษสีน้ำเงินด้วยตนเองได้ ตอบรับกับพื้นที่ของร้าน Play Space Cafe ที่อยากให้ทุกคนได้มีพื้นที่เล่นและสนุกสนานเมื่อได้เข้ามาพักผ่อนบนพื้นที่ที่เป็นอดีตความรุ่งเรืองโรงงานกระดาษชัยกิจ โรงงานกระดาษเพียงแห่งเดียวในย่านหัวลำโพง

Play Space Cafe 
12/1 ถนนเจริญเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
โทร. 081 438 1428
เปิดบริการ: อังคาร-ศุกร์ 8:30-20:00 น. เสาร์-อาทิตย์ 10:00-20:00 น. (ปิดวันจันทร์)
ออกแบบโดย: Likaybindery


ขนมผักกาด อาม่าชอเค็ง หัวลำโพง x Witti Studio

ขนมผักกาด หรือ ไช่เถ่าก้วย เป็นอาหารว่างของคนจีนแต้จิ๋วและกวางตุ้ง ซึ่งเมนูนี้มักพบได้บ่อยในชุมชนชาวจีนในไทยที่พกพาสูตรอาหารและส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น ด้วยสมัยก่อนราคาเนื้อสัตว์ค่อนข้างแพง ชาวจีนที่กำลังก่อร่างสร้างตัว และยังไม่ได้มีฐานะมากนัก  มักนิยมทานเมนูขนมผักกาดเพื่อให้อิ่มท้อง และประหยัดเงิน

ขนมผักกาดสูตรแต้จิ๋วเจ้าอร่อยของย่านหัวลำโพงร้านนี้ เป็นร้านรถเข็นสตรีทฟู้ดของอาม่า 2 พี่น้อง อาม่าชอเค็ง แซ่ลี้ และอาม่าเอี่ยมเค็ง แซ่ลี้ ที่เปิดขายมาเกือบ 40 ปี ในซอยพระยาสิงหเสนี ซึ่งเป็นซอยเล็กๆ ที่เป็นทางเข้าของตรอกสลักหิน ชุมชนจีนเก่าแก่ที่อยู่คู่ย่านมากว่า 100 ปี โดยอาม่าสานต่อสูตรความอร่อยของขนมผักกาดแบบแต้จิ๋วแท้ๆ จากคุณแม่ของอาม่าที่ขายอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนวัฒนวุฒิวิทยา (ววย.) โรงเรียนจีนเก่าในซอย ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นอาคารหัวลำโพงออฟฟิศ

ความพิเศษของขนมผักกาดร้านอาม่า คือความกรอบนอกนุ่มในของก้อนแป้งไชเท้า ที่อาม่าแอบกระซิบว่าหมัดเด็ด คือการใส่ไชเท้าซอยผสมลงไปในแป้งข้าวเจ้าเยอะๆ นำไปนึ่งข้ามคืน ตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมชิ้นพอดีคำ ทำให้รสชาติขนมผักกาดมีความเข้มข้นสุกทั่วถึง นำมาผัดด้วยน้ำมันหมูที่เจียวเอง ใส่ไข่ ซอสปรุงรส พริกป่น น้ำตาล และผัก ผัดบนกระทะเหล็กโบราณแบนๆ และเตาถ่าน ผสมด้วยรสมือของอาม่า ยิ่งทำให้ขนมผักกาดของที่นี้มีความอร่อยเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร พอเริ่มผัดทีไรกลิ่น ขนมผักกาดก็หอมฟุ้งเรียกน้ำย่อยผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาไปทั่วซอย

นอกจากนี้ ร้านยังมีเมนูลับ คือ ขนมถังแตก เป็นเมนูที่คนในหัวลำโพงแนะนำว่าต้องลองทานสักครั้ง  มีลักษณะคล้ายๆ ผัดไทยแต่ไม่ใส่เครื่อง ใส่ไข่ ผัดจนหอมฉุยมัดใจลูกค้าเก่าแก่จนอยู่หมัด  ถึงขนาดย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น ก็ยังต้องโทรมาสั่ง และแวะเวียนกลับมาซื้ออยู่บ่อยครั้ง

Witti Studio ประทับใจในเรื่องราวและเสน่ห์ในความดั้งเดิมของร้านอาม่า จึงอยากช่วยบอกเล่าความพิเศษนี้ให้สะดุดตา และสอดคล้องไปกับกลิ่นหอมที่เตะจมูกของขนมผักกาดนี้ ผ่าน Communication Design ที่สร้างประสบการณ์และภาพจำ เพื่อที่ลูกค้าใหม่ที่แวะเวียนมา จะได้ไม่เดินเลยไป เพราะเดิมไม่มีชื่อร้าน และชื่อเมนูตัวเล็กจนอาจจะไม่รู้ว่าขายอะไร

Witti Studio จึงได้ทำป้ายชื่อร้านใหม่ เป็นป้ายอะคริลิกสีเขียวเตะตา และให้อาม่ามีส่วนร่วมออกแบบ โดยใช้ลายมือของอาม่าเอง เขียนเป็นชื่อร้าน ‘ชอเค็ง’ พร้อมเพิ่มคำว่าไช้ เถ้า ก้วย และหัวลำโพงลงในป้ายด้วย เพื่อเพิ่มการจดจำของลูกค้า รวมถึงออกแบบแผ่นเมนูใหม่ ที่มีทั้งภาพ ชื่อเมนู และราคาที่ชัดเจน ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ พร้อมด้านหลังมีประวัติสั้นๆ เล่าเรื่องอาม่าและขนมหัวผักกาด สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่อาจจะไม่รู้จักว่าคืออะไร

นอกจากนี้ยังเปลี่ยนร่มให้เป็นสีเขียวเฉดเดียวกัน และสามารถบังแดดได้ดีขึ้นและมีน้ำหนักเบา ตามคำแนะนำของร้านร่มศิลป์เมือง เพื่อนบ้านในย่าน รวมถึงชักชวนให้อาม่าเปลี่ยนจากกล่องโฟมเป็นกล่องกระดาษ ที่มีทำตรายางสำหรับปั๊มชื่อร้านลงไปได้ด้วย

ทั้งหมดนี้ อาม่ายังคงกิจวัตรการขายได้ตามเดิม ไม่ต้องปรับตัวจนไม่สบายใจ แถมยังสะดวกทั้งแม่ค้าและลูกค้าอีกด้วย

ขนมผักกาด อาม่าชอเค็ง หัวลำโพง
ซอยพระยาสิงหเสนี ตรงข้ามใต้บ้าน คาเฟ่ ถนนพระรามที่ 4 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร  (Mrt ทางออก 3) การเดินทาง, 121 เมตร จากสถานี MRT หัวลำโพง
โทร. 080-159-6429
เปิดบริการ: จันทร์-วันเสาร์ 11.00-16.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
ออกแบบโดย: Witti Studio


เบ๊โอชา  x Witti Studio

ร้านเบ๊โอชา สภากาแฟอายุกว่า 80 ปี ของชาวหัวลำโพงและพนักงานการรถไฟ ที่มีจุดเริ่มต้นจากกาแฟหาบเร่สมัยรุ่นอากงของคุณเธียรจิตต์ อริยภิญโญ (จิตต์) และคุณกชพร อริยภิญโญ (พร) ที่คั่วเมล็ดกาแฟด้วยตนเองและหาบขายอยู่บริเวณหน้าหัวลำโพง จนสมัยคุณพ่อสามารถเปิดหน้าร้านที่ใต้ถุนตึกของโรงแรมน่ำเอี๊ยะ โรงแรมเก่าแก่ในซอยพระยาสิงหเสนี โดยแรกเริ่มมีเพียงน้ำชง 4  เมนู คือ กาแฟโบราณ ชา ไมโล และนมเย็น ที่ไว้กินคู่กับก๋วยเตี๋ยวเป็ดจานอร่อย

หลังจากนั้นคุณจิตต์และคุณพร ทายาทรุ่นที่ 3 ก็ได้เข้ามาสานต่อด้วยการเปิดขายอาหารตามสั่ง รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีเครื่องดื่มเด็ดมัดใจคนในพื้นที่ด้วย ‘เบียร์วุ้นแก้วแช่’ จนเป็นที่ถูกกล่าวขานบอกกันปากต่อปากของกลุ่มนักท่องเที่ยว คนในพื้นที่ และพนักงานการรถไฟ เพราะไม่มีใครเคยทำในหัวลำโพงมาก่อนแต่พอมีการสร้างทางด่วนช่วงปี พ.ศ. 2535 ทางร้านเบ๊โอชาถูกเวนคืนพื้นที่ ต้องโยกย้ายมาขายอยู่ในซอยพระยาสิงหเสนี ทางเข้าชุมชนตรอกสลักหิน

ถึงแม้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ย่านหัวลำโพงอยู่บ่อยครั้ง เบ๊โอชาก็พร้อมปรับตัว ให้เข้ากับคนกลุ่มใหม่ในพื้นที่  โดยเพิ่มเมนูกาแฟ น้ำชง และน้ำปั่นไว้มากถึง 60 เมนู พร้อมอาหารเช้าเพื่อรองรับรับนักเดินทาง ที่ทางร้านพร้อมรับประกันในคุณภาพวัตถุดิบที่ใช้ และราคาย่อมเยา เพราะอยากส่งต่อความสดชื่น ในราคาที่คนทั่วไปจับต้องได้ คุณภาพดี พร้อมการันตีในความเข้มข้นทุกแก้ว

ร้านเบ๊โอชาได้ร่วมกับ Witti Studio นักออกแบบที่หยิบเรื่องราวความหอมกรุ่นของร้านกาแฟ และอาหารเช้าของที่นี่มาสื่อสารบนพื้นที่หน้าร้าน พร้อมเป็นพื้นที่รองรับและส่งต่อความสดชื่นให้กับผู้มาเยือนในย่านหัวลำโพงผ่าน communication design การออกแบบการสื่อสารใหม่ ผ่านการนำป้ายร้านเก่ามากออกแบบใหม่โดยการสืบค้นเรื่องราวจากการพูดคุยกับพี่จิตรและพี่พรเพื่อให้มีป้ายชื่อที่เด่นชัด เติมปี พ.ศ. ที่ร้านเริ่มกิจการ สื่อสารถึงความเป็นตำนานแห่งหัวลำโพง

ทดลองออกแบบเครื่องดื่มบรรจุขวดและฉลากสติ๊กเกอร์สำหรับลูกค้าซื้อกลับบ้าน พร้อมทั้ง ออกแบบผ้าเอนกประสงค์เป็นแผนที่นำทางพาไปชิมร้านอร่อยย่านหัวลำโพง เป็นของที่ระลึก และใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการสื่อสารความพิเศษที่น่าสนใจของเบ๊โอชาร้านเก่าแก่ในย่านหัวลำโพง แต่ไม่ทำให้พี่ๆ ต้องปรับตัวมากจนไม่สบายใจ

เบ๊โอชา
472/1 ถ.เจริญเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
โทร. 086-355-6351
เปิดบริการ: จันทร์-ศุกร์ 6:30-15:00 น. / เสาร์ 6:30-13:00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
ออกแบบโดย: Witti Studio


Made in Hua Lamphong โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) และ RTUS-BANGKOK ริทัศน์บางกอก นักออกแบบ: ease studio, Likaybindery, Ek Thongprasert, COTE Studio, Witti Studio และกิจการเก่าแก่ในย่านหัวลำโพง: ศิลป์เมือง บ้านอิตาลี น่ำเอี๊ยง โรงงานกระดาษชัยกิจ ขนมผักกาดอาม่าชอเค็ง เบ๊โอชา