City as Theatre ถ้าเมืองคือโรงละคร...
‘City as a Theatre’ คือแนวคิดตั้งต้นของโครงการในการใช้ประโยชน์จากทัศนียภาพเมือง เพิ่มความมีชีวิตชีวา และชักชวนให้ผู้คนได้สำรวจเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของเมือง โดยใช้สถานที่ในเมืองเป็นฉากละครและการแสดง เพื่อนำเสนอเรื่องราว ประเด็นทางสังคมและวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับพื้นที่
โครงการจัดขึ้นภายใต้ Pakk Taii Design Week 2023 ระหว่างวันที่ 12-20 สิงหาคม 2566 โดยมีโปรแกรมทั้งหมด 3 โปรแกรมหลัก ในรูปแบบละครเวทีนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของครอบครัวเชื้อสายจีนในเมืองเก่าสงขลา และการแสดงโนราผสมผสานละครหุ่นเงา
หัวใจสำคัญของโครงการ คือ การนำเสนอบทบาทของศิลปะการแสดงที่มีต่อการพัฒนาย่านเมืองเก่า ทั้งในมิติของพื้นที่ สังคมและวัฒนธรรม โดยชูจุดเด่นผ่านศาสตร์การเล่าเรื่อง (Storytelling) มาทำหน้าที่ทั้งบันทึกความทรงจำ บอกต่อ และตั้งคำถามกับประเด็นต่างๆ เพื่อเปิดบทสนทนา เชื่อมโยงให้เห็นเสน่ห์ของพื้นที่ และที่สำคัญเพื่อต่อยอดวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยไม่ยึดติดว่าจะต้องอนุรักษ์ให้คงรูปแบบเดิม เพื่อช่วยให้วัฒนธรรมท้องถิ่นได้ปรับตัว ลื่นไหลไปกับยุคสมัยได้ โดยไม่ทิ้งตัวตน
ผลลัพธ์ของโครงการ
- แรงบันดาลใจให้วัฒนธรรมไม่ถูกแช่แข็ง นักศึกษานาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยทักษิณได้รับแรงบันดาลใจไปต่อยอดการแสดงโนราแบบร่วมสมัยผสมผสานศิลปะเงา
- โนราตีความใหม่ อาจารย์ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ ได้มีโปรเจครูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่ ฉีกกรอบการแสดงโนราแบบดั้งเดิม
- เชื่อมเชื้อชาติและเชื่อมวัย ละครเวทีในร้านน้ำชาสไตล์จีน ทำให้ร้านได้ลูกค้าใหม่เป็นคนรุ่นใหม่ชาวมุสลิม ที่ปกติไม่กล้าเข้าร้าน
The Next Spring ร้านน้ำชา
ละครเวทีครั้งแรกในร้าน “ฮับเซ่ง” ร้านน้ำชาเก่าแก่ประจำเมืองเก่าสงขลา ความพิเศษคือ เป็นละครแนว Immersive ที่ใช้ร้านน้ำชาเป็นฉากละครจริง แบบไม่ต้องเซ็ต เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ร่วมแสดงเป็นตัวละครในเรื่องในฐานะลูกค้าจริง ที่ได้สั่งอาหารและลิ้มรสอาหารเช้าที่คุ้นเคย ร่วมสนุกไปกับเรื่องราวตลอดทั้งการแสดง ผ่านความเก่งกาจในการด้นสด (improvisation) ของนักแสดง ที่รับบทบาทเป็นเจ้าของร้าน ท่ามกลางบรรยากาศยามสายของย่านเมืองเก่าสงขลาที่ดูพิเศษกว่าที่เคย
เรื่องราวเกิดขึ้นกับตัวละคร 3 คน ที่เป็นลูกหลานกิจการร้านน้ำชาแห่งนี้ เจาะหลายประเด็นโดนใจลูกหลานเชื้อสายจีนในเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัว ความคิด ความเชื่อ ความเป็นลูกผู้หญิง ลูกผู้ชายในครอบครัวคนจีน ตั้งคำถามกับการสืบทอดกิจการดั้งเดิมของครอบครัว ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเมืองและยุคสมัย ถูกร้อยเรียงเรื่องราวขึ้นมาผ่านแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าของผู้คนในพื้นที่ รวมถึงเจ้าของร้านฮับเซ่งเอง และจุดร่วมของลูกหลานชาวจีน เพื่อให้ผู้ชมได้มีประสบการณ์ร่วม ให้หวนนึกถึงเรื่องราวของตัวเอง ตั้งคำถามกับชีวิต และการกลับถิ้นฐานบ้านเกิดก็เป็นได้
The Next Spring บ้านเก้าห้อง
ละครแบบ Site-Specific เล่นไปกับพื้นที่บ้านเก้าห้อง บ้านเก่าทรงเก๋งจีนที่อยู่คู่เมืองเก่าสงขลามากว่าร้อยปี ซึ่งปัจจุบันส่วนหนึ่งเป็นร้านกาแฟ Amazon และมีผลงานศิลปะ Chinese Spring - Home ฝีมือนักรบมูลมานัส เป็นฉากของละครร่วมด้วย เพื่อร่วมกันสื่อสารเรื่องราวของความเป็นจีน 5 เหล่าในสงขลาในบริบทคำว่า “บ้าน” ได้เต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น
เรื่องราวเชื่อมโยงกับละคร The Next Spring ร้านน้ำชา โดยใช้นักแสดงเดียวกัน แต่เรื่องราวย้อนอดีตไปตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษของร้านน้ำชา ซึ่งเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่อพยพมาตั้งรกรากที่สงขลาตั้งแต่สองร้อยปีก่อน ไล่จนมาถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยละครถูกแบ่งเป็น 3 เรื่องย่อยๆ ที่พาผู้ชมเดินตามเนื้อเรื่องผ่านโซนต่างๆ ของบ้านเก้าห้อง เสมือนตามดูชีวิตของอากงอาม่าในบ้านจริงๆ
ทั้ง 3 เรื่อง ล้วนชวนให้ผู้ชมได้หวนรำลึกถึงเรื่องเล่า ความทรงจำในวันวาน กับคำถามที่ค้างคาใจ ทั้งในเรื่องของความสัมพันธ์ ความเป็นจีน ประเพณีไหว้บรรพบุรุษ ประเพณีตรุษจีน ความหมายของคำว่าบ้าน การแต่งงาน การตั้งชื่อลูก ไปจนถึงความทรงจำกับข้าวของ ร้านค้า สถานที่ ที่ยังมีอยู่ในเมืองเก่าสงขลา ไม่ว่าผู้ชมจะเป็นคนสงขลาหรือคนจีน หรือไม่ก็ตาม เชื่อว่าจะต้องมีหลายประเด็นที่โดนใจอย่างแน่นอน
และที่ขาดไม่ได้ ละครเรื่องสุดท้ายยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมกับการแสดง ได้ร่วมรำลึกความหลังของตัวเองที่มีต่อข้าวของต่างๆ ที่นักแสดงหยิบยกขึ้นมา เช่น ซาลาเปาร้านเกียดฟั่ง เป็นความทรงจำแสนอร่อยของตัวนักแสดงหลัก ซึ่งเป็นชาวสงขลาผู้จากบ้านเกิดไปนาน จนเจ้าของร้านซาลาเปาที่มาเป็นผู้ชม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความปลาบปลื้ม ผู้ชมบางรายที่ถูกชวนมาร่วมแสดง อินกับบทบาทจนถึงขั้นนำ้ตาซึม เมื่อย้อนนึกถึงความทรงจำในวันวาน
Young Spring ยังผลิบาน
ครั้งแรกของโชว์รูปแบบใหม่ที่ผนวกศาสตร์โนราและละครหุ่นเงา ผสานเสียงดนตรีบรรเลงสด ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นริมทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์ศิลปะการแสดง 2 สาขา แต่ต่างรูปแบบและมุมมอง ผ่านการทำงานร่วมกันครั้งแรกของศิลปิน 2 วัย ได้แก่ ศิลปินแห่งชาติโนราชาวสงขลา อ.ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ และศิลปินละครหุ่นเงาจากเชียงใหม่ สุธารัตน์ สินนอง ซึ่งทั้งคู่ต่างมีตัวตนที่เปิดกว้าง พร้อมทดลองสิ่งใหม่ และสนใจที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน เปิดทางให้ศิลปะและวัฒนธรรมได้เติบโตต่อไป
เรื่องราวที่หยิบยกขึ้นมาเล่า ไม่ใช่เรื่องราวในวรรณคดีหรือบทละคร ตามที่มักจะเห็นควบคู่กับการแสดงโนรา แต่เป็นการบอกเล่าถึง ‘ตัวตน’ ของครูโนรา ผ่านเรื่องราวและความทรงจำในวัยเด็ก ที่หล่อหลอมความคิด ความเชื่อในการใช้ชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน และสิ่งที่อยากส่งต่อสู่คนรุ่นหลัง
เรื่องราวการเติบโตของเด็กน้อยคนหนึ่งสู่เส้นทางครูโนรา ถ่ายทอดผ่านบทเพลงกล่อมเด็กของแม่ นิทานหอยทากของพ่อ การร่ายรำท่าโนราคล้องหงส์ สะท้อนถึงช่วงเวลาแห่งความสุข และโนราแทงเข้ สะท้อนถึงอุปสรรคที่พบเจอในชีวิต จนมาถึงการถ่ายทอดสู่ลูกศิษย์ในฐานะครู ผ่านบทร้องและท่ารำโนราที่สอดประสานเป็นเนื้อเดียวกัน เสมือนภาษาเฉพาะตัว ที่เข้าใจกันระหว่างครูโนราและลูกศิษย์ ซึ่งหากเข้าใจแก่นของโนราอย่างแท้จริงแล้ว แม้ไม่มีครูอยู่ ลูกศิษย์จะยังสามารถสืบทอดต่อไปได้ในแบบฉบับของตัวเอง
ความพิเศษของโชว์นี้ คือ ไม่ได้มีเทคโนโลยีล้ำยุคใดๆ แต่กลับดูล้ำสมัยเป็นพิเศษ มีเพียงศิลปินหลัก 2 คน แสดงสดผ่านการร่ายรำโนราแบบดั้งเดิม ผสมผสานศิลปะแสงสีและเงา ที่เล่นไปกับทุกอนูของพื้นที่ ไปจนถึงการประชันกันระหว่างโนราและหุ่นเงา บางฉากแม้จะเห็นเพียงเงา ก็สัมผัสได้ถึงตัวตน และความใส่ใจในรายละเอียดของทุกท่วงท่า ผสานเสียงดนตรีสดจากวงร็องเง็งท้องถิ่นจากวงอัสลีมาลา ที่สามารถบรรเลงความพื้นบ้านและความเป็นสากลไปพร้อมๆ กันได้ ทุกส่วนของโชว์ใช้ศาสตร์การด้นสด (improvise) สอดประสานและส่งเสริมซึ่งกันและกันได้อย่างดีเยี่ยม จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นการร่วมงานกันครั้งแรก
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการแสดงอื่นๆ ผลงานนักศึกษาสาขาวิชาศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ที่ตีความเรื่องราวท้องถิ่นในรูปแบบสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น การแสดงขนมบอก ค้างคาว และถีบจักร
ในอนาคต หากเป็นไปได้ พื้นที่สาธารณะ ร้านค้า อาคารเก่าในย่าน ควรถูกผลักดันให้เป็นพื้นที่หมุดหมายสำหรับนักศึกษาท้องถิ่นในการแสดงผลงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มความความคึกคักให้กับย่านในช่วงที่ไม่มีเทศกาลฯ ใหญ่ๆ
Living Theatre โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ร่วมกับ คณะละคร LiFE Theatre, ครูธรรมนิตย์ นิคมรัตน์, สุธารัตน์ สินนอง นิสิตสาขาวิชาศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ, วงอัสลีมาลา, สาขาวิชาดุริยางคศิลป์ตะวันตก มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา